จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : MENA ทะยาน รับรู้รายได้ TDM ดันผลงานทำสถิติ โบรกฯแนะ“ซื้อ”


04 กรกฎาคม 2566
บมจ.มีนา ทรานสปอร์ต (MENA) เตรียมรับรู้รายได้จากบริษัทร่วมทุน TDM ในช่วงไตรมาส 3 ขณะที่ CEOมั่นใจรายได้ปีนี้ทำสถิติใหม่  หลังอุตสาหกรรมโลจิติกส์ บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จกลับมาเติบโตได้ดี

รายงานพิเศษ MENA.jpg

นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มีนา ทรานสปอร์ต (MENA) เปิดเผยว่า ต้นไตรมาส 3/66 บริษัทจะเริ่มขยายการให้บริการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคแก่กลุ่มค้าปลีก ซีเจ มอร์ , ร้านค้าถูกดี มีมาตรฐาน รวมถึงสินค้าในเครือ บมจ.คาราบาว กรุ๊ป (CBG) ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ทีดีเอ็ม ลอจิสติกส์ จำกัด (TDM) 
         
ปัจจุบัน บริษัทมีกองรถในเครือ TDM แล้ว 178 คัน และในอนาคตอาจจะขยายบริการไปสู่การขนส่งสินค้าข้ามแดน คาดการณ์รายได้ในปีแรกของ TDM ที่ประมาณ 400-500 ล้านบาท ซึ่ง MENA จะได้ส่วนแบ่งรายได้ตามสัดส่วนการถือหุ้น 35% ส่งผลให้ในปี 66 รายได้ของบริษัทจะเติบโตได้ตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 15%
         
ส่วนบริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ (Mixer) และรถเทรลเลอร์ (Trailer) ในปี 66 บริษัทยังคงตั้งเป้าขยายกองรถอีก 100 คัน โดยครึ่งปีแรกบริษัทส่งรถเข้าทำงานแล้ว 73 คัน และไตรมาส 3/66 มีแผนที่จะส่งมอบรถเพิ่ม 22 คัน อีกทั้งมีแผนที่จะเพิ่มรถขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิประมาณ 5-10 คัน ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในไตรมาส 3/66 อย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะมีการปรับขยายฝูงรถเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 4/66
          
นอกจากนี้ บริษัทได้ส่งมอบรถมิกเซอร์ หรือรถโม่ผสมคอนกรีต ให้แก่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ท่าหลวง) จำกัด หรือแบรนด์ "ซีแพค (CPAC)" และ บริษัท ปูนซีเมนต์เอเชีย จำกัด หรือแบรนด์ "บัวคอนกรีต (BUA Concrete)"  ถือเป็นการเสริมทัพความพร้อมด้านกองยานยนต์ให้กับกลุ่มลูกค้าผู้ผลิตคอนกรีต เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนทยอยส่งมอบรถมิกเซอร์ที่เหลืออีกกว่า 40 คันให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/66  
          
นางสุวรรณา กล่าวว่า ไม่ได้กังวลเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า  เพราะไม่ได้กระทบกับบริษัท เนื่องจากโครงการภาครัฐที่บริษัทให้บริการในปัจจุบัน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ โครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวน และโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เป็นโครงการที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณไปแล้ว 30-70% และกำลังดำเนินการก่อสร้าง 
         
"บริษัทเชื่อว่าภาพรวมธุรกิจและผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ครึ่งปีหลังนี้ จะยังคงเติบโตได้อย่างโดดเด่นต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก  เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุน จากอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่มีแนวโน้มฟื้นตัว ซึ่งผลให้ธุรกิจขนส่งสินค้าทุกประเภทขยายตัวตามไปด้วย ขณะที่การร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรรายใหญ่ช่วยสนับสนุนการเติบโต ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯ ที่จะช่วยสนับสนุนให้รายได้ และกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ" นางสุวรรณา กล่าว

ขณะที่บล.ดาโอ วิเคราะห์หุ้น โดยระบุว่า ธุรกิจเดินหน้าตามแผน แนวโน้มโตต่อเนื่องจากการขยายกองรถ โดยเราคงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมาย 2.50 บาท อิงวิธี DCF (WACC 7.7%, TG 2.0%) มีมุมมอง เป็นบวกจากการเข้าร่วมงาน SET Opportunity Day เมื่อ 19 มิ.ย. 2023 หลังธุรกิจเดินหน้าตามแผนหนุนผลประกอบการเติบโตจาก

1) คงเป้าขยายกองรถ 100 คันในปี 2023E โดยใน 1H23E จะมีเพิ่มเข้ามา 73 คัน และที่เหลือจะเข้ามาในช่วง 2H23E 

2) ที่ผ่านมาปริมาณการขนส่งเฉลี่ยต่อคันของ Mixer เพิ่มขึ้นมาตลอด โดยใน 1Q23 อยู่ที่ 925 ลบ.ม. ผู้บริหารประเมินยังสามารถเพิ่มขึ้นได้สู่ระดับ 968 ลบ.ม. ในอนาคต 

3) เริ่มขนส่งให้ CJ และถูกดีมีมาตรฐาน โดยบริการอื่นจะทยอยเพิ่มเข้ามาในช่วงที่เหลือของปี 

4) ยังคงเป้ารายได้รวมปี 2023E ที่ 800 ล้านบาท (+15% YoY) หนุนโดยการฟื้นตัวของภาคก่อสร้างและเศรษฐกิจโดยรวมที่ดีขึ้น ทั้งนี้เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2023E ที่ 68 ล้านบาท (+32% YoY) แนวโน้ม 2Q23E คาดเติบโตทั้ง YoY, QoQ จากจำนวนรถที่เพิ่มขึ้นรองรับงานที่ขยายตัว

ราคาหุ้น underperform SET -22% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา คาดมาจากการขาย big lot ให้ให้กองทุน และ take profit กรณี JV กับกลุ่มคาราบาว อย่างไรก็ตามเราประเมินราคาหุ้นมีโอกาสกลับมา outperform SET ได้จากผลประกอบการที่เติบโตได้ชัดเจนในระยะ 2 ปีข้างหน้า โดย ณ ราคาเป้าหมาย จะคิดเป็น Forward PER ที่ 26x ใกล้เคียงอัตราการเติบโตของกำไรในช่วง CAGR22-24E ที่ 30% (PEG 0.9x)