Smart Investment

7 บจ.เปิดปฏิบัติการณ์ "ซื้อหุ้นคืน" หลังราคาต่ำเกินพื้นฐาน


12 พฤษภาคม 2566
MR.Data

ภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทยที่อยู่ในภาวะผันผวนตั้งแต่ปลายปี 2565 ที่ผ่านมา ลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน กดดันผลตอบแทนลงทุนตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง โดยล่าสุด จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 SET Index ปรับตัวลดลงกว่า 5.94% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2565

แน่นอนว่าราคาหุ้นหลายต่อหลายบริษัทฯกดดันดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯปรับตัวลดลงกว่า 5.94% 
เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2565 (ข้อมูล ณ วันที่ 11 พ.ค.66)

ทำให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หลายบริษัทฯ ต้องงัดแผน "ซื้อหุ้นคืน" เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน หลังจากราคาไหลลงลึกเกินปัจจัยพื้นฐาน จากความกังวลเศรษฐกิจโลกถดถอยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ 

ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังไร้ทางออก 

เงินเฟ้อที่ปรับตัวสูง จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และค่าแรงที่ปรับตัวสูง จนส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของหลายบริษัทจดทะเบียน

สัปดาห์นี้ Mr.Data ชวนมาอัพเดทว่า บริษัทจดทะเบียนกี่แห่งที่ประกาศแผนซื้อหุ้นคืน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน หลังจากที่ราคาไหลลงลึก เกินกว่าปัจจัยพื้นฐาน

7 บจ.งัดแผน.jpg

เริ่มจาก... 

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF)  อนุมัติวงเงินกว่า 5,000 ล้านบาท  ซื้อหุ้น 200 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.32 % ของหุ้นทั้งหมด ระหว่างวันที่ 19 ธ.ค.2565 – 18 มิ.ย.2566   

หลังจากที่ราคาไหลลงลึกแตะที่ 20.00 บาท จากราคาที่เคยปรับตัวสูงสุดในรอบ 1 ปี ที่ 27 บาท ล่าสุด (11 พ.ค.66) ราคากลับมายืนที่ 20.40 บาท/หุ้น คิดเป็น P/E 12.21 เท่า ส่วนราคาเป้าหมาย IAA Consensus สูงสุดอยู่ที่ 29 บาท และต่ำสุดอยู่ที่ 21.50 บาท 

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TU) อนุมัติวงเงิน 3,000 ล้านบาท  เข้าซื้อหุ้น 200 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.19% ของหุ้นทั้งหมด ระหว่างวันที่ 3 ม.ค. - 30 มิ.ย. 2566 ราคาต่ำสุดในรอบ 1 ปี อยู่ที่ 13.10 บาท ล่าสุด (11 พ.ค.66) ราคาปิดอยู่ที่ 15 บาท/หุ้น คิดเป็น P/E 10.75 เท่า บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้ราคาเป้าหมาย 22 บาท 

บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (SINGER)   อนุมัติวงเงิน 640 ล้านบาท  เข้าซื้อหุ้น  18 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.19% ของหุ้นทั้งหมด ระหว่างวันที่ 23 ธ.ค.2565 - 23 มี.ค.2566 ราคาต่ำสุดในรอบ 1 ปีอยู่ที่ 12.10 บาท ล่าสุด (11 พ.ค.66) ราคาปิดอยู่ที่ 13.80 บาท/หุ้น P/E ที่ 12.03 เท่า จากราคาสูงสุดที่ในรอบ 1 ปีที่ 54.50 บาท ราคาเป้าหมาย IAA Consensus สูงสุดอยู่ที่ 23 บาท และต่ำสุดอยู่ที่ 11.60 บาท 

บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด  (JMART) อนุมัติวงเงิน 400 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น 16 ล้านหุ้น คิดเป็นจำนวนไม่เกินร้อยละ 1.10 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดระหว่างวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 ถึง วันที่ 15 มิถุนายน 2566 หลังราคาร่วงลงต่ำสุดในรอบ 1 ปี ที่ 17.40 บาท ล่าสุด (11 พ.ค.66) ราคาปิดอยู่ที่ 20 บาท P/E ที่ 16.24 เท่าจากราคาเคยปรับตัวสูงสุดในรอบ 1 ปี ที่ 61.50 บาท ราคาเป้าหมาย IAA Consensus สูงสุดอยู่ที่ 43 บาท และต่ำสุดที่ 34 บาท

บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (SABUY) อนุมัติวงเงิน 1,090 ล้านบาท ซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 87.20 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 8 พ.ค.-14 ก.ค.66 หลังราคาลงไปทดสอบจุดต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ 9.20 บาท ล่าสุด (11 พ.ค.66) ราคาปิดอยู่ที่ 11.50 บาท P/E ที่ 13.53 เท่า จากราคาเคยปรับตัวสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 28 บาท ขณะที่ในช่วงก่อนหน้า บล.บัวหลวงเคยให้ราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 50 บาท 

ล่าสุด วัน 10 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ตเวิร์ค ซิสเต็ม จำกัด (มหาชน) (ITNS) อนุมัติโครงการซื้อหุ้น (Treasury Stock) เพื่อบริหารทางการเงินภายในวงเงินไม่เกิน 38.50 ล้านบาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 11 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท หรือคิดเป็นจำนวนไม่เกิน 5% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ระหว่างวันที่ 15 พ.ค.- 12 ต.ค. 66

“โครงการซื้อหุ้นครั้งนี้เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้แก่ส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) อัตรากำไรสุทธิ (EPS) และเพิ่มมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (Book Value Per Share) รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น เพื่อเป็นการบริหารสถานะการเงินโดยรวมของบริษัทให้เกิดประโยชน์” นายสมชาย อ่วมกระทุ่ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ITNS กล่าว 

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/66 บริษัทฯ มีรายได้รวม 154.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.95 ล้านบาท หรือ 56.74% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 98.61 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิ 10.68 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไร 11.77 ล้านบาท

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/66 คาดว่าจะสามารถเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนเช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) 400 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้ไปจนถึงปี 70 พร้อมกันนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมเข้าประมูลงานใหม่รวมมูลค่า 1,000 ล้านบาท คาดทยอยรู้ผลภายในเร็วๆ นี้อีกด้วย ทำให้เชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนผลการดำเนินงานเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้
ขณะที่ราคาหุ้น ITNS ล่าสุด (11 พ.ค.) ปิดตลาดที่ 3.08 บาท P/E ที่ 12.26 เท่า ราคาปรับตัวต่ำสุดในรอบ 1 ปี ที่ 2.68 บาท และสงสุดที่ 5.60 บาท 

บล.ดาโอ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น ITNS ราคาเป้าหมาย 5.50 บาท อิง 2566 PER ที่ 17.0 เท่า เทียบเท่าค่าเฉลี่ยของธุรกิจใกล้เคียงกันด้าน System Integration (SI) โดยมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1. ITNS ประเมินตลาด IT ปี 2566 จะเติบโตดีขึ้น โดยพาร์ตเนอร์ (บริษัทที่จัดทำการวิจัยเกี่ยวกับ IT) ได้คาดการณ์มูลค่าการใช้จ่ายด้าน IT ทั่วโลกในปี 2566 จะเติบโต +2.4% (ปี 2564 เติบโต -0.2%) ขณะที่ในประเทศไทยจะเติบโตได้ดีกว่าที่ +4.2% ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ITNS ด้าน IT Service ในปี 2566 มูลค่าการใช้จ่ายจะเติบโตสูง +10.4%

ถือเป็นปฏิบัติการณ์หยุดอาการเลือดไหลของบริษัทจดทะเบียน....ที่ต้องงัดแผนซื้อหุ้นคืน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นและบริหารสภาพคล่องของบริษัท เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น!!!