จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : ธุรกิจ “ก่อสร้าง-ขนส่ง” ฟื้น กระตุ้น ผลงาน MENA แกร่ง


09 พฤษภาคม 2566
การเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากการลงทุนของภาครัฐบาลและเอกชนที่เติบโตเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และยังสนับสนุนรายได้และกำไรของบริษัท มีนาทรานสปอร์ต  (MENA) ให้แข็งแกร่งมากขึ้น

รายงานพิเศษ MENA.jpg

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนมี.ค. 66 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการท่องเที่ยว และภาคการเกษตรที่ขยายตัวได้ดี อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงต่อเนื่อง ส่วนเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า  สำหรับการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือนมีนาคม 2566  เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.7%

การเติบโตของอุตสาหกรรมก่อสร้างและธุรกิจขนส่ง ส่งผลดีต่อธุรกิจของบริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) (MENA)  ที่ให้บริการขนส่งสินค้าด้วยรถลากจูงหรือรถเทรลเลอร์ (Trailer) ให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถผสมคอนกรีตหรือรถมิกเซอร์ (Mixer) และการขายสินค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ และเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้าง

โดยล่าสุด บริษัทได้ส่งมอบรถมิกเซอร์ (Mixer) หรือรถโม่ผสมคอนกรีต ให้แก่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ท่าหลวง) จำกัด  หรือ "ซีแพค (CPAC)" ถือเป็นการเสริมทัพความพร้อมด้านกองยานให้กับ CPAC เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น สะท้อนการเติบโตของตลาดในอุตสาหกรรมก่อสร้างและธุรกิจขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จ  ซึ่งในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนทยอยส่งมอบรถมิกเซอร์ที่เหลืออีกกว่า 40 คันให้เสร็จภายในไตรมาส 2 

ทั้งนี้นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  MENA  คาดผลการดำเนินงานปี 66 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 51.18  ล้านบาท และรายได้รวม 707.60 ล้านบาท โดยมีรายได้และกำไรสูงสุดในรอบ 5 ปี  นับตั้งแต่ปี 2561  เนื่องจากรับอานิสงส์จากการขนส่งสินค้าทุกประเภททั้งซีเมนต์ คอนกรีต สินค้าอุปโภคบริโภค  สินค้าเฉพาะทาง และสินค้าควบคุมอุณหภูมิขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงการขยายงานของบริษัทฯ ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale)
          
ส่วนทิศทางธุรกิจโลจิสติกส์ปี 2566 เชื่อว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่คลี่คลาย ขณะที่อุตสาหกรรมก่อสร้างมีแนวโน้มที่ดี โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกซ์เซอร์ที่มีโอกาสเติบโตสูงจากอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัวทั้งจากโครงการเมกะโปรเจคต่างๆ ที่สามารถเดินหน้าตามนโยบายภาครัฐที่ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ รวมถึงโครงการก่อสร้างภาคเอกชนทั้งรายใหญ่และรายย่อยรับอานิสงส์จากการเปิดประเทศ  

ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีจุดแข็ง จากการมีสัดส่วนขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จอยู่ที่ 10% ของ Market share ทั้งประเทศ ซึ่งคาดว่าจะขยายเพิ่มขึ้นได้อีกในปีนี้ และยังมีแผนรุกขยายงานขนส่งให้ครอบคลุมในหลากหลายอุตสาหกรรม  โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในตลาดเฉพาะทางที่มีความเติบโตอย่างต่อเนื่องให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นแผนสร้างการเติบโตในส่วนของธุรกิจ MENA ยังไม่รวมถึงการเติบโตจากการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหญ่โดยผ่านบริษัทร่วมทุน คือ ทีดี เอ็ม ลอจิสติกส์ จำกัด (TDM) ที่คาดว่าช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในอนาคต
           
โดยเมื่อสิ้นปี 2565 บริษัท มีรถขนส่งให้บริการ 728 คัน แบ่งเป็น รถมิกเซอร์ 472 คัน รถเทรลเลอร์ 68 คัน หางพ่วงชนิดต่างๆ 105 หาง รถบรรทุก 4-10 ล้อและรถขนส่งควบคุมอุณหภูมิรวมอีก 83 คัน มีพนักงานรวมกว่า 780 คน และมีแผนขยายฟลีทรถอย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในด้านการขนส่งทั้งในส่วนของรถมิกเซอร์ รถเทลเลอร์ รถควบคุมอุณหภูมิ และรถขนส่งสินค้าเฉพาะทางเพื่อต่อยอดห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งตั้งเป้ามีรถพร้อมให้บริการอยู่ที่ 820 คันภายในสิ้นปีนี้
           
"MENA มุ่งมั่นในการบริหารงานเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า รวมถึงการควบคุมคุณภาพบริการขนส่ง ควบคู่กับการคำนึงถึงสังคม สิ่งแวดล้อมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ ทำให้เป็นผู้ให้บริการด้านงานขนส่งเบอร์ต้นๆ ของประเทศที่มีฐานลูกค้า ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำไว้วางใจใช้บริการ และ เราไม่ใช่แค่ผู้ให้บริการขนส่งด้วยรถมิกซ์เซอร์ แต่กำลังขยายไปยังตลาดที่มีศักยภาพ และมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและมีความแข็งแกร่ง" นางสุวรรณา กล่าว