กลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯ ม้ามืดรอบใหม่ หากสงครามคลี่คลาย หนุนอัพไซด์เปิด SCC-PTTGC-PTG โบรกฯ อัพเกรด “ซื้อ”
จับตาหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี โบรกฯ ชี้อาจเป็นม้ามืดหากสงครามคลี่คลาย อาจทำให้เกิด Upside อุปสงค์ปิโตรเคมี PE PVC ในภาค ก่อสร้างเพื่อซ่อมแซมเมือง แถมคาดกำไรกลุ่มฯ ปี 2569 จะเติบโตจากปีก่อน สถานการณ์อุตสาหกรรมทยอยดีขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบต่ำลง
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า มุมมองทิศทางราคาพลังงาน – ปิโตรเคมีปี 2569 ผสมผสาน ยังไม่เข้าสู่โหมดสดใส โดยประเมิน 1.ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลงจากปีก่อน คาดอุปทานส่วนเกินมากขึ้นจากการเพิ่มปริมาณผลิตของ Non-OPEC และ Tapering นโยบายลดปริมาณผลิตของ OPEC ทั้งนี้ Geopolitical Risk ในยูเครน, ตะวันออกกลาง, เวเนซุเอลาจะเป็นความไม่แน่นอนทั้งด้านบวก – ลบจากกรณีฐาน
2. แม้ปี 2569 จะมีอุปทานจากโรงกลั่นใหม่ และการเร่งใช้อัตราผลิตของโรงกลั่นที่เกิดปัญหาในปีก่อน แต่คาดค่าการกลั่นปี 2569 จะประคองตัวจากปีก่อน ในระดับแข็งแกร่ง โดยเฉพาะช่วงต้นปี ซึ่งได้แรงหนุนจากการหยุดซ่อมบำรุงหลายแห่ง อุปทานของรัสเซียเกิด Disruption จากการโจมตีของยูเครน และมาตรการคว่ำบาตร
3. ส่วนต่างราคาปิโตรเคมียังอยู่ระดับต่ำ และท้าทายจากอุปทานล้นตลาดจำนวนมาก ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับปี 2568 คาดจะเห็นการฟื้นตัวจากฐานต่ำแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะคาดเริ่มเห็นการปิดโรงงาน ลดขนาด – ควบรวมธุรกิจจากผู้ผลิตที่ประสิทธิภาพต่ำ
อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าแผนสันติภาพรัสเซีย ยูเครนมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง กรณีทั้ง 2 ฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงยุติสงคราม มองว่าอาจเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจปิโตรเคมีดังนี้
1. การปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบจาก War Risk Premium ลดลง และอุปทานจากรัสเซียสามารถเข้าสู่ตลาดโลกได้มากขึ้น จะทำให้ต้นทุนวัตถุดิบ Naphtha ลดลง ช่วยหนุน Spread ปิโตรเคมี
2. อ้างอิงข้อมูล World Bank คาดงบประมาณซ่อมแซมเมืองต่างๆ ของยูเครนในช่วง 10 ปีข้างหน้าจะสูงกว่า 5 แสนล้านเหรียญฯ โดยคาดสัดส่วน 2-10% จะเป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในภาคการก่อสร้าง (PE PVC) เช่น ท่อน้ำ, ถังเก็บน้ำ, สายไฟ, สารเคลือบผิว ฯลฯ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของ SCC IRPC PTTGC เบื้องต้นคาดสามารถเพิ่มอุปสงค์ปิโตรเคมีได้ 1-5 ล้านตัน/ปี ช่วยดูดซับอุปทานส่วนเกิน และเป็น Upside ต่อกรณีฐานของฝ่ายวิจัย
ดังนั้น คงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” แม้ภาวะอุตสาหกรรมยังไม่โดดเด่น แต่คาดกำไรกลุ่มฯ ปี 2569 จะเติบโตจากปีก่อน เนื่องจากปัจจัยบวกภายในเฉพาะตัว เช่น การลดค่าใช้จ่าย, เพิ่มประสิทธิภาพ, แผนหยุดซ่อมบำรุงลดลง ฯลฯ
นอกจากนี้ กลุ่มฯ ยังมีความน่าสนใจจากการเป็นหุ้น Value Play ที่มูลค่าไม่แพง และมี Dividend Yield สูง เลือก PTT เป็นหุ้นเด่น (แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 37.50 บาท) จากจุดเด่นโครงสร้างธุรกิจครบวงจร ที่ผ่านมาช่วงวิกฤต Shale Oil และ Covid บริษัทฯ ยังสามารถสร้างกำไร จ่ายเงินปันผลได้สม่ำเสมอ และมีโอกาสรับเม็ดเงินจากโครงการกระตุ้นการออมภาครัฐในอนาคต
อีกทั้งยังมีมุมมองบวกมากขึ้นต่อหุ้นปิโตรเคมี เพราะช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ราคาหุ้น IVL IRPC PTTGC SCC ลดลง 47-67% ทำให้เชิง PBV Valuation มีส่วนลด -1.2 SD ถึง -1.5 SD ถือว่ามีสถานะ Under-owned และ Downside จำกัดแล้ว มองข้ามไปปี 2569 คาดสถานการณ์อุตสาหกรรมทยอยดีขึ้นจากการปิดโรงงานในต่างประเทศ ต้นทุนวัตถุดิบต่ำลง และมี Upside สำคัญ หากสงครามรัสเซีย เครนคลี่คลาย
โดยมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อหุ้นปิโตรเคมี แม้ภาวะตลาดปิโตรเคมีปี 2569 ยังอ่อนแอ กดดันจากอุปทานล้นตลาด อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นในกลุ่มฯ ลดลงเฉลี่ย 47-67% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2566-68) ซื้อขาย ในระดับ ที่มีส่วนลด -1.2 SD ถึง -1.5SD นับ ว่าอยู่ในสถานะ Under-owned, ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีอยู่ในระดับต่ำแล้ว ถือว่าเหลือ Downside ไม่มาก, ปี 2569 จะเห็นอานิสงส์แผนเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไรสูงขึ้น และการทยอยปิดโรงงานในต่างประเทศที่ประสิทธิภาพต่ำ
นอกจากนี้ ยังได้ประโยชน์จากต้นทุนวัตถุดิบ Naphtha ต่ำลง และ หากสงครามรัสเซีย ยูเครนสิ้นสุด อาจทำให้เกิด Upside อุปสงค์ปิโตรเคมี PE PVC ในภาค ก่อสร้างเพื่อซ่อมแซมเมือง
ทั้งนี้ปรับราคาเหมาะสม สะท้อนมุมมองอุตสาหกรรมโรงกลั่น – ปิ โตรเคมี โดยจากมุมมองอุตสาหกรรมการกลั่นช่วงไตรมาส 4/68-ไตรมาส 1/69 มีแนวโน้มสดใสกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า หนุนจากอุปทานในตลาดตึงตัวจากการปิดซ่อมบารุง และผลกระทบจากความขัดแย้งเชิง ภูมิรัฐศาสตร์ของรัสเซีย เราปรับ Valuation ของหุ้นโรงกลั่น ส่งผลให้ราคาเหมาะสมเปลี่ยนแปลง
TOP ประเมินราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 42.00 บาท คงคาแนะนำ “ซื้อ”
SPRC ประเมินราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 7.00 บาท อัพเกรดคำ แนะนำเป็น “ซื้อ”
PTTGC ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” (จากเดิม TRADING) จากทิศทางธุรกิจปี 2569 ทยอยฟื้นตัวจากการบริหารจัดการภายใน ซึ่งจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ไตรมาส 1/69 เช่น การรับรู้ กำไรจากการทำ Asset Monetization และผ่านวัฏจักรปิดซ่อมใหญ่โรงกลั่น อย่างไรก็ ตาม เชิงกลยุทธ์อาจรอผ่านงบไตรมาส 4/68 ที่อ่อนแอไปก่อน เพราะมีปัจจัยลบเฉพาะตัว จากกำหนดการปิดซ่อมบำรุงใหญ่โรงกลั่น และค่าใช้จ่ายทางบัญชีช่วงสิ้นปี
IVL ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” (จากเดิม TRADING) มองว่าราคาหุ้นสะท้อนปัจจัย ลบไปมากแล้ว
SCC ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” (จากเดิม TRADING) เพราะนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ถึงปัจจุบัน หุ้น -21% ถือว่าสะท้อนงบไตรมาส 3/68 ที่อ่อนแอไปแล้ว มูลค่าหุ้นปัจจุบันอยู่ระดับต่ำ ขณะที่ คาดว่าหุ้นยังมีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ Dividend Yield 3% นอกจากนี้ หุ้นยังมี โอกาสได้รับอานิสงส์บวกทิศทางราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง และอุปสงค์วัสดุก่อสร้าง – ปิโตรเคมี PVC จะเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการซ่อมแซมเมือง หากรัสเซีย vs ยูเครน สามารถบรรลุแผนสันติภาพยุติสงคราม
และ PTG ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” (จากเดิม TRADING) เชื่อว่าราคาหุ้นนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ถึงปัจจุบัน -25% ได้สะท้อนปัจจัยลบจากงบไตรมาส 3/68 อ่อนแอ และค่าการตลาดช่วงเดือนต.ค. ถูกกดดัน จากการปรับลดราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกของภาครัฐจานวน 2 ครั้งไปแล้ว อ้างอิง ข้อมูลของ EPPO ค่าการตลาดเดือนธ.ค. เร่งขึ้นจากเดือนก่อน เป็น 2.26 บาท/ลิตร (เทียบ 1.90 -1.98 บาท/ลิตรในเดือนต.ค. – พ.ย.)
นอกจากนี้ คาดว่ากำไรไตรมาส 4/68 จะเห็นการฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนเพราะเข้าสู่ High Season ของการเดินทางท่องเที่ยว และได้แรงหนุนจาก Theme การลงทุน Index Play หลังได้รับคัดเลือกเข้าคานวณในดัชนี SET100 SETESG ช่วง เดือนม.ค. – มิ.ย. 69
ยอดนิยม
เปิดสถิติหุ้นไทยย้อนหลัง 5 ปี พบช่วงโค้งสุดท้ายของปี SET Index ให้ผลตอบแทน 2.5%
SET Index เตรียมพุ่ง! รับเม็ดเงิน 2 แสนล้านจ่อเข้าหุ้นไทย หลังคปภ.หั่น Risk Charge เหลือ 18%
AOT กำไรปี 69 สะดุด! ขึ้นค่า PSC อาจล่าช้ากว่าคาด ติดล็อคยุบสภา ต้องรอกกต.ชี้ขาด
BTS-VGI ทำนักลงทุนเจ็บหนัก! ปีนี้ราคาหุ้นดิ่งพสุธา 61-72% โบรกฯ มองแผนอนาคตยังคลุมเครือ