รายงานพิเศษ : SPREME ปีนี้ผลงานตามเป้า เล็งหาโอกาสประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง หลังรัฐฯไฟเขียวดาต้าเซ็นเตอร์ 1.84 แสนลบ.
บีโอไออนุมัติการลงทุนส่งท้ายปีกว่า 2.4 แสนล้านบาท เป็นธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ กว่า 1.84 แสนล้านบาท ส่งผลต่อการขยายธุรกิจของ บมจ.สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (SPREME) ในฐานะประกอบธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร
นโยบายส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลเป็นเครื่องจักรที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย สอดคล้องกับนโยบายของบีโอไอ ที่สนับสนุนการลงทุนในประเทศ ซึ่งในการประชุมครั้งล่าสุด คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)ได้อนุมัติโครงการลงทุน จำนวน 15 โครงการ มูลค่ากว่า 2.4 แสนล้านบาท ครอบคลุมอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ พลังงานสะอาด นิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ และการขนถ่ายสินค้าทางเรือ
ซึ่งจำนวน 15 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 2.4 แสนล้านบาท ประกอบด้วย กิจการดาต้าเซ็นเตอร์ 11 โครงการ รวมมูลค่า 184,740 ล้านบาท , กิจการนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ เงินลงทุน 3,464 ล้านบาท , กิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม เงินลงทุน 5,635 ล้านบาท , กิจการขนถ่ายสินค้าทางเรือ เงินลงทุน 14,122 ล้านบาท และ กิจการผลิตโพแทสเซียมคลอไรด์ เงินลงทุน 40,468 ล้านบาท
กิจการดาต้าเซ็นเตอร์ที่บีโอไออนุมัติในครั้งนี้มีมูลค่ากว่า 1.84 แสนล้านบาท ส่งผลดีต่อธุรกิจของ บมจ.สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (SPREME) ในฐานะประกอบธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร โดยเป็นผู้ออกแบบ ติดตั้ง และจัดจำหน่ายระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบเครือข่าย อย่างครบวงจร (System Integrator) พร้อมทั้งให้บริการซ่อมแซม บำรุงรักษาและการให้เช่าอุปกรณ์
ซึ่ง นายภานุวัฒน์ ขันธโมลีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (SPREME) ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสาร ในฐานะผู้ออกแบบ จัดหา และติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในงานเทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจร (System Integrator) รวมถึงให้บริการดูแลบำรุงรักษา ซ่อมแซม และให้เช่าระบบคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่อพ่วง
คาดแนวโน้มผลงานไตรมาส 4/2568 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการส่งมอบโครงการขนาดกลางจำนวนหนึ่งที่เข้าทำสัญญา และจะสามารถส่งมอบตามแผนที่วางไว้ รวมถึงสัญญาภายใต้โครงการขนาดใหญ่หรือ Mega Project บางส่วนก็จะทยอยส่งมอบและรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4/2568 ด้วยเช่นกัน ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้
ซึ่งที่ผ่านมา SPREME ชนะการประมูล จากทั้งรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานราชการอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในการส่งมอบโซลูชั่นด้าน IT ครบวงจร ทั้งการให้เช่า การติดตั้ง และบริการบำรุงรักษา ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนผลการดำเนินงาน โดยปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้ จำนวน 3,600 ล้านบาท สร้างฐานรายได้ที่มั่นคงในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2569 บริษัทฯมุ่งเน้นโครงการที่สามารถสร้างรายได้ที่เป็นลักษณะต่อเนื่อง (Recurring Income) ประกอบกับการเข้าประมูลโครงการภาครัฐต่างๆ ที่มีอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ โดยเฉพาะงานที่สนับสนุนนวัตกรรมใหม่ และปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจและสังคมไทย เพื่อเพิ่มความมั่นคงในการเติบโตของรายได้เป็นหลัก