รายงานพิเศษ : PCE โตแกร่งรายได้แตะ 3 หมื่นลบ. เดินหน้าโรงสกัดน้ำมันปาล์มเฟส 2 ขยายตลาดต่างประเทศ-รุกผลิตภัณฑ์ใหม่
บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) มั่นใจรายได้ปีนี้แตะ 3 หมื่นล้าน เดินหน้าโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม 2 เปิดเฟส 2 เดือนธันวาคม เพิ่มกำลังผลิต 100% ต่อยอด Economy of Scale ดัน ขณะเดียวกันขยายตลาดต่างประเทศและเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการประจำภาคใต้ และคณะอนุกรรมการประจำภาคใต้ชายแดน ระบุคณะอนุกรรมาการได้พิจารณาแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคใต้ทั้งหมด 11 จังหวัด 2 กลุ่มจังหวัด และภาคใต้ชายแดน 3 จังหวัด 1 กลุ่มจังหวัด โดยมีการทบทวนศักยภาพ ปัญหา และโอกาสของแต่ละพื้นที่ใหม่ ปรับเป้าหมายและตัวชี้วัดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งปัญหาอุทกภัยซ้ำซาก การขยายตัวของเมือง ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และโอกาสด้านการท่องเที่ยว-เกษตรมูลค่าสูง-โลจิสติกส์สมัยใหม่
รวมทั้งโครงการยกระดับการท่องเที่ยวเรือสำราญ และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical-Wellness) โครงการยกระดับมาตรฐานปาล์มน้ำมัน-โอเลโอเคมิคอล โครงการป้องกันอุทกภัยพื้นที่ทะเลน้อย, โครงการพัฒนาสินค้าเกษตรอัตลักษณ์ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ,โครงการพัฒนาเยาวชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดจะถูกรวบรวมเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการบริหารจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ
“รัฐบาลจะเดินหน้าฟื้นฟูภาคใต้จากวิกฤตอุทกภัย ควบคู่กับการวางรากฐานระยะยาว ทั้งด้านท่องเที่ยว การเกษตรมูลค่าสูง อุตสาหกรรมฮาลาล โลจิสติกส์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อสร้างอนาคตความเป็นอยู่ที่ดีให้ชาวใต้ 14จังหวัดได้อย่างยั่งยืน”
การเร่งฟื้นฟูภาคใต้ของรัฐบาลจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ซึ่งสอดคล้องกับการขยายกิจการของ บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) ที่เดินหน้าขยายโรงสกัดน้ำมันปาล์ม โดยนายพรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการสายงานกลยุทธ์และพัฒนาองค์กร PCE ระบุ บริษัทฯเตรียมเปิดโรงสกัดน้ำมันปาล์มเฟส 2 มูลค่าลงทุน 180 ล้านบาท ภายในเดือนธันวาคม 2568 นี้
ซึ่งโรงงานใหม่มีกำลังการผลิต 75 ตัน/ชั่วโมง เมื่อรวมกับกำลังการผลิตโรงงานเดิมอยู่ที่ 75 ตัน/ชั่วโมง จะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 150 ตัน/ชั่วโมง หรือเพิ่มขึ้นเท่าตัว ส่งผลให้การบริหารจัดการต้นทุนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กำไรขั้นต้นมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นในระยะถัดไป ทั้งยังคงรักษาสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ด้วยโครงสร้างที่เอื้อต่อการเติบโต หนุนรายได้บริษัทฯเติบโต 10-15% ต่อปี
ขณะเดียวกันยังมีแผนขยายเฟส 3 เพิ่มกำลังการผลิตอีก 60 ตัน/ชั่วโมง ซึ่งจะดำเนินการสร้างเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 3 ปี 69 และเมื่อครบทั้ง 3 เฟสแล้ว จะสามารถรองรับผลผลิตปาล์มน้ำมันได้สูงถึง 210 ตัน/ชั่วโมง หรือ 5,040 ตัน/วัน โดยจะสามารถดำเนินการพร้อมกันทั้ง 3 เฟส ได้ในปี 2570 ซึ่งตั้งเป้าผลิตให้ได้ปีละ 8-9 แสนตันผลปาล์ม สอดคล้องกับปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันที่มีการเติบโตต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่งผลดีต่อ Economy of Scale หรือการเพิ่มความสามารถในการควบคุมต้นทุนการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ
"PCE ยังคงเดินหน้ามองหาโอกาสการเติบโตผ่านการร่วมลงทุนกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มแหล่งรายได้และกระจายความเสี่ยงธุรกิจ สร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดศักยภาพในการแข่งขันกับตลาดโลกในอนาคต พร้อมสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้น" นายพรพิพัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้บริษัทยังมั่นใจว่าผลงานปีนี้จะเติบโตได้ดี โดยคาดว่าแนวโน้มรายได้รวมในปีนี้จะแตะที่ระดับ 30,000 ล้านบาท แม้บริษัทจะเผชิญกับภาวะผันผวนของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มทั้งในด้านปริมาณผลผลิต และด้านราคา นอกจากนี้ยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันถั่วเหลืองที่มีแนวโน้มต่ำลงในระยะสั้น ส่งผลให้ผู้ซื้อหันไปใช้น้ำมันถั่วเหลืองเพิ่มมากขึ้น
โดยปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของยอดขายมาจากการขยายช่องทางการจำหน่ายของกลุ่มบริษัทฯ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะการรุกตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น กะลาปาล์ม (PKS) ที่มีคุณภาพสูง ซึ่งได้รับมาตรฐานระดับนานาชาติ Green Gold Label (GGL) และน้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RBDPKO) ซึ่งเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ในไตรมาส 3 ของปี 2567 ซึ่งในปี 2568 นี้จะรับรู้รายได้เต็มปี และสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คาดว่าแนวโน้มรายได้รวมในปีนี้จะแตะที่ระดับ 30,000 ล้านบาท