จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : HL มั่นใจรายได้ปีนี้ออลไทม์ไฮ จับมือกระทรวงพาณิชย์ ร่วมโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า”


24 พฤศจิกายน 2568

บมจ.เฮลท์ลีด (HL) เชื่อรายได้ปีนี้ยังทำสถิติสูงสุดใหม่ สะท้อนจากยอดขายสินค้าเติบโตทุกผลิตภัณฑ์ และการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ร่วมทั้งการเข้าร่วมโครงการสุขกาย สบายกระเป๋าของกระทรวงพาณิชย์  ช่วยกระตุ้นยอดขายเติบโตก้าวกระโดด

HL_รายงานพิเศษ S2T (เว็บ) copy_0.jpg

จากข้อมูลกรุงศรีวิจัยระบุว่า อุตสาหกรรมยามีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยคาดว่าปี 68-70 มูลค่าจำหน่ายยาในประเทศจะขยายตัวเฉลี่ย 6.0-7.0% ต่อปี  โดยมีปัจจัยหนุนจากจำนวนผู้ป่วยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งจากโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งการเกิดโรคติดต่ออุบัติใหม่และอุบัติซ้ำ การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และการเข้าถึงระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (โดยเฉพาะสิทธิบัตรทอง) ทำให้ผู้เจ็บป่วยสามารถเข้าถึงยา และเวชภัณฑ์ได้สะดวกขึ้น ส่งผลให้ทิศทางการเติบโตของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยา ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตยาแผนปัจจุบัน และ ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์ (ร้านค้าปลีก/ร้านค้าส่ง) มีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง

บมจ.เฮลท์ลีด (HL) เป็นหนึ่งในผู้ดำเนินธุรกิจโดยการลงทุนในบริษัทอื่น (Holding Company) ได้แก่ บริษัท ไอแคร์ เฮลท์ จำกัด (ไอแคร์ เฮลท์) จำหน่ายยา เวชภัณฑ์ เวชสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อุปกรณ์การแพทย์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ ผ่านร้านขายยา 3 แบรนด์ ได้แก่ “iCare” “Pharmax” และ “Super Drug” และในบริษัท เฮลทิเนส จำกัด (เฮลทิเนส) ซึ่งประกอบธุรกิจคิดค้น พัฒนาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และ นวัตกรรมเพื่อสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ “PRIME”, “Besuto” และ “Q”

ปัจจุบันธุรกิจ HL มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ผลิตภัณฑ์ทุกกลุ่มเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าเปิดสาขาเพิ่ม ร่วมถึง ออกสินค้าใหม่ พร้อมปักธงเป็นหนึ่งในผู้นำด้านผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพ และเครือข่ายร้านขายยาทั้งในประเทศไทยและประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

โชว์ผลงาน 9 เดือน กำไรแตะ 50.03 ลบ.

นายธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) (HL) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2568 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 50.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.96 ล้านบาท หรือ 6.29% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 47.07 ล้านบาท และมีรายได้รวม 1,692.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 213.63 ล้านบาท หรือ 14.44% จากงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้รวม 1,478.97 ล้านบาท

ในส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ของปี 2568 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568) มีรายได้รวม 556.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.64 ล้านบาท หรือ 8.72% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวม  512.06 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 12.77 ล้านบาท

โปรดักส์ทุกกลุ่มเติบโตดี

สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 มีรายได้จากการขายสินค้าแบ่งตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ยังเติบโตทุกกลุ่มเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มสินค้าสุขภาพสำหรับการใช้ภายนอกร่างกายยังคงมีอัตราการเติบโตสูงสุดที่ 14.01% ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายระยะยาวของกลุ่มบริษัทในการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มสินค้าดังกล่าว รองลงมาเป็นกลุ่มยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เติบโต 10.38% และกลุ่มสินค้าบริโภคเติบโต 2.60%

ลุยขยายสาขาเพิ่ม

ในไตรมาส 3/2568 กลุ่มบริษัทได้ขยายเครือข่ายร้านขายยา โดยเปิดสาขาใหม่จำนวน 2 สาขา ได้แก่ ฟาร์แมกซ์ สาขาโลตัส พระราม 4 และฟาร์แมกซ์ สาขาซัสโก้ สแควร์ ปิ่นเกล้า ทำให้ปัจจุบันกลุ่มบริษัทมีร้านขายยาเปิดให้บริการรวมทั้งสิ้น 69 สาขา ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งส่งผลต่อยอดขายและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ส่งซิกรายได้ปี 68 ออลไทม์ไฮต่อเนื่อง

สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ที่ 15-20% สร้างสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ (ออลไทม์ไฮ) ต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ทั้งในกลุ่มอาหารเสริมที่มีการเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึม (Bioavailability Enhancer), ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และสมุนไพรลดการสะสมเชื้อไวรัส ซึ่งได้รับรางวัลในเวทีระดับนานาชาติ  รวมถึงการนำเข้าอุปกรณ์การแพทย์เพิ่มเติม

เดินหน้าขยายฐานลูกค้าด้วยสินค้ากว่า 10,000 รายการ

บริษัทฯ วางแผนจะเปิดตัวสินค้าใหม่กว่า 10 รายการ เช่น แชมพู สบู่ และเซรั่มบำรุงผิว สนับสนุนรายได้ของบริษัทให้เติบโตต่อเนื่อง และยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้า ด้วยสินค้ากว่า 10,000 รายการ ครอบคลุมทั้งยา เวชภัณฑ์ เวชสำอาง อาหารเสริม อุปกรณ์การแพทย์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ รองรับดีมานด์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ

จับมือภาครัฐร่วมโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของผู้บริโภค

ล่าสุด บริษัทฯ ได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” จัดโดย กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) สมาคมร้านขายยา และโรงพยาบาลเอกชน เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงยาคุณภาพในราคาที่เป็นธรรม สนับสนุนการให้บริการสุขภาพที่มีมาตรฐาน และบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประชาชน ผ่านเครือข่ายร้านยาคุณภาพทั่วประเทศ

HL ถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพ และเครือข่ายร้านขายยาทั้งในประเทศไทยและประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง ที่กำลังแผ่ขยายสาขา สร้างโอกาสการเติบโต สอดคล้องพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ซึ่งอยู่ในเมกะเทรนด์ที่กำลังมาแรงในตอนนี้

HL