จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : STARM ปรับกลยุทธ์บริหารความเสี่ยง จับมือพันธมิตร-ใช้เทคโนโลยีคุมคุณภาพสินเชื่อ มั่นใจผลงานปี68 ดีกว่าที่ผ่านมา


24 พฤศจิกายน 2568

ภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว ส่งผลให้การปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ยังคงมีความเข้มงวดอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์สถานการณ์การปล่อยสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์พบว่า สินเชื่อหดตัวลงต่อเนื่อง และ ภาพรวมของ NIM กลุ่มแบงก์ยังชะลอลง โดยยอดคงค้างสินเชื่อจากงบการเงินรวม 9 แห่ง ณ ไตรมาส 3/68 หดตัวลง 1.2% YoY เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ต่อเนื่องจากที่หดตัว 1.7% YoY ในไตรมาส 2/68

STARM รายงานพิเศษ_S2T (เว็บ)_0.jpg

โดยนอกจากภาพรวมสินเชื่อจะได้รับแรงกดดันจากผลของการชำระคืนหนี้ของลูกหนี้ และ การระมัดระวังความเสี่ยงด้านเครดิตในการปล่อยสินเชื่อใหม่ของสถาบันการเงินแล้ว ความต้องการเบิกใช้สินเชื่อของภาคธุรกิจเพื่อลงทุนในระยะยาวก็ปรับตัวลดลงตามสัญญาณการฟื้นตัวล่าช้า และ ความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจไทยด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ ผลจากสถานการณ์สินเชื่อที่อ่อนแอ เมื่อรวมเข้ากับผลของการทยอยปรับลดดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนต.ค. 67 และ การช่วยเหลือลูกหนี้ที่เข้าโครงการคุณสู้เราช่วย ทำให้ผลตอบแทนจากการปล่อยสินเชื่อ (Yield on Loans) ปรับลดลงเร็วกว่าต้นทุนทางการเงิน (Funding Cost) ซึ่งสะท้อนผ่านการชะลอตัวของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin: NIM) ที่ปรับลดลงมาแล้ว 4 ไตรมาสติดต่อกัน โดย NIM ในไตรมาส 3/68 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3.18% จาก 3.22% ในไตรมาสที่ 2/68

สถานการณ์ดังกล่าวจึงเป็นโอกาสของกลุ่มธุรกิจ Non-bank ในการรองรับกลุ่มลูกค้าที่เข้าถึงการกู้ยืมจากธนาคารได้ยาก ได้มีโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจของบมจ.สตาร์ มันนี่ (STARM) ที่ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้งในรูปแบบขายเงินสดและขายเงินผ่อน และให้บริการปล่อยสินเชื่อประเภทต่าง ๆ ได้แก่ สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มิใช่สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน สินเชื่อที่มีหลักประกัน เช่นทะเบียนรถ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงให้บริการเป็นนายหน้าประกันวินาศภัย

โดยบริษัทได้มีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับปัจจัย แวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยง และระบบควบคุมภายในที่เพียงพอ เหมาะสม และเป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกิจการ ได้แก่  แผนพัฒนาในการสร้างตลาดและเครือข่ายใหม่ เน้นการขยายธุรกิจไปยังพันธมิตรและคู่ค้าใหม่ รวมถึงแผนการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน รวมทั้งการนำเทคโนโลยี มาบริหารคุณภาพสินเชื่อ บริหารและวิเคราะห์ลูกค้า เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการลูกค้า เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงสินเชื่อและลดขั้นตอนในการสมัครทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยอยู่ระหว่างพัฒนาระบบสารสนเทศ

ซึ่งการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจส่งผลดีต่อธุรกิจ โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 22.25 ล้านบาท โต 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เละมีรายได้รวม 353.87 ล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือนปี 2568 มีกำไรสุทธิ 73.15 ล้านบาท โต 7.99% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม 1,155.58 ล้านบาท

ซึ่งนายชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม กรรมการผู้จัดการ STARM ระบุผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากรายได้ดอกเบี้ยเช่าซื้อเพิ่มขึ้น และยอดขายสินค้าที่ขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทฯ สามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง รวมถึงผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ลดลง เนื่องจากการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อมีคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น และการปรับลดพอร์ตสินเชื่อเงินให้กู้ยืม โดยเฉพาะในหมวดรถบรรทุก ซึ่งบริษัทฯยังคงดำเนินการพิจารณาสินเชื่อด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ

“ปัจจุบันบริษัทได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาช่องทางการขายออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ควบคู่กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน สินค้าและบริการ เพื่อตอบโจทย์ให้ครอบคลุมและสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มเป้าหมาย เชื่อมั่นว่าผลประกอบการโดยรวมในปี 2568 นี้ จะดีกว่าในปีที่ผ่านมา”