การเลือกตั้งของไทยในปี 2569 ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยไม่มากก็น้อยในปีหน้า การวางกลยุทธ์ลงทุนจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักลงทุน เพื่อรับมือกับภาวะตลาดในแต่ละช่วง ซึ่งก็เริ่มไกด์ไลน์มุมมองจากนักวิเคราะห์ออกมาให้เห็นบ้างแล้ว ยกตัวอย่างมุมมองที่เราได้หยิบมาเล่ากันในวันนี้
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ให้มุมมองว่า เป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 2569 ของเราอยู่ในช่วง 1,350-1,400 จุด มีโอกาสได้แรงหนุนจากกระแส Election Rally ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2569 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คาดว่าจะทยอยประกาศก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งอาจช่วยหนุนเซนติเมนต์การลงทุนในระยะสั้น แต่อย่างไรก็โดยตลาดอาจเผชิญแรงกดดันในไตรมาส 2/69-3/69 จากการเมืองในประเทศ ซึ่งจุดเข้าลงทุนที่น่าสนใจอยู่ที่ 1,200 จุด
สำหรับปัจจัยทางการเมือง คาดว่าการเลือกตั้งเดือนมี.ค. 2026 จะกระตุ้นให้ตลาดปรับตัวขึ้นก่อนเลือกตั้ง โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2-3% โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร พาณิชย์ และท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาลผสมซึ่งจะทําให้เกิดความไม่แน่นอนด้านนโยบาย และอาจกดดันตลาด
ดังนั้น มองการปรับขึ้นรอบนี้ว่าเป็นโอกาสเทรดระยะสั้น มากกว่าการเปลี่ยนโครงสร้างตลาดในระยะยาว หวังว่ามาตรการสนับสนุน เช่น นโยบายเศรษฐกิจใหม่ๆ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และมาตรการกระตุ้นระยะสั้น จะช่วยหนุนตลาดให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ คําแนะนําการลงทุน ให้โฟกัสไปที่บริษัทที่มีงบดุลแข็งแรง มี margin of safety สูง มองเห็นกําไรได้ชัดเจน และซื้อขายที่ มูลค่าสมเหตุสมผล ซึ่งจะช่วยป้องกันความผันผวนจากปัจจัยมหภาค หุ้นเด่นสําหรับไตรมาส 1/68 ได้แก่ BDMS, CENTEL, DIF, PTT และ TRUE
พร้อมกันนี้กลยุทธ์ลงทุนไตรมาส 1/69 จุดโฟกัสอยู่ที่นโยบาย โดยเน้นธีมการฟื้นตัวในประเทศ ติดตามการประชุมนัดแรกของธปท. เพื่อยืนยันท่าทีผ่อนคลายนโยบายการเงินและระดับการปรับลดดอกเบี้ย มีโอกาสสูงที่จะลดดอกเบี้ยคาดเศรษฐกิจฟื้นตัวในวงกว้างจากฐานต่ำในไตรมาส 1/68 โดยปกติแล้ว SET มักจะปรับขึ้น 2-3% ในช่วง 3 เดือนก่อนการเลือกตั้ง
แนะนำ เพิ่มน้ำหนักการลงทุนกลุ่มพาณิชย์ เนื่องจากคาดว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และแนวโน้มกําไรชัดเจนและมั่นคง หลีกเลี่ยงธุรกิจอาหารเพราะมีผลกระทบจากฐานสูง
ส่วนไตรมาส 2/69 การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ กลุ่มเทคโนโลยีจะชะลอตัว โดยรัฐสภาเข้าสู่กระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง ผลกระทบจากภาษีนําเข้าสหรัฐฯปรากฏให้เห็นอย่างเต็มที่ พร้อมกับการส่งออกที่หดตัว
แนะนำ ขายทํากําไรในหุ้นบางตัวที่ทําผลงานได้ดีในไตรมาส 1 และเลือกลงทุนมากขึ้น เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยว เพื่อรับการฟื้นตัว เมื่อความไม่แน่นอนทางการเมืองหลังเลือกตั้งหมดไป ปรับพอร์ตลงทุนไปสู่กลุ่มวัฏจักรภายในประเทศ เช่น พาณิชย์ ท่องเที่ยว และ ICT
ขณะที่ไตรมาส 3/69 เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ช่วงชะลอตัวกลางรอบวัฏจักร ปรับพอร์ตสู่หุ้นเชิงรับ เพื่อรับมือความผันผวน วัฏจักรอัตราดอกเบี้ยนโยบายทั่วโลกใกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้า (การทบทวนนโยบายการค้าของทรัมป์, การประชุม Jackson Hole) ก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ รัฐบาลใหม่ยังคงเร่งรัดโครงการใช้จ่ายต่าง ๆ
แนะนำ ลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มที่ปรับขึ้นแรง และ หมุนไปสู่หุ้นเชิงรับในประเทศ เช่น กลุ่มสาธารณูปโภค กลุ่มการแพทย์ และ ICT เพื่อป้องกันความเสี่ยง หากดัชนี PMI โลกทรุดตัวลง หากเศรษฐกิจโลกยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย ให้เพิ่มน้ำหนักในกลุ่มธนาคาร
สุดท้าย ไตรมาส 4/69 นโยบายระยะยาวของรัฐบาลและคาดหวังการฟื้นตัวในปี 2570 ตลาดรับรู้ความเสี่ยงจากภาวะ เศรษฐกิจชะลอตัวไปแล้ว เริ่มเห็นสัญญาณของการเปลี่ยนผ่านไปสู่การปฏิรูป โครงสร้างในระยะยาวและการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน การที่รัฐบาลเร่งใช้จ่ายเงินมากขึ้น ผนวกกับความแข็งแกร่งตามฤดูกาล จะเป็นแรงหนุนตลาดในช่วงถัดไป
แนะนำ เน้นหุ้นที่ยังปรับขึ้นช้ากับกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ขนส่งทางบก และวัสดุก่อสร้าง จัดพอร์ตเพื่อรับการฟื้นตัวในปี 2570 ปรับพอร์ตไปในทิศทางที่อิงกับวัฏจักรเศรษฐกิจ โดยเน้นหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มท่องเที่ยว พาณิชย์ และธนาคาร