จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : SPREME อนาคตยังสดใส แรงหนุนรัฐบาลส่งเสริม เศรษฐกิจดิจิทัล-ดาต้าเซ็นเตอร์


20 พฤศจิกายน 2568

ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย (HSBC) เชื่อธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งโดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 คำขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้น 139% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.06 ล้านล้านบาท หนุนผลงานบมจ.สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (SPREME) ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสารปีนี้ขยายตัวต่อเนื่อง

SPREME อนาคตยังสดใส รายงานพิเศษ_S2T (เว็บ)_0.jpg

นายจอร์โจ กัมบา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย (HSBC) ระบุธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง จากยอดตัวเลขของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) สะท้อนให้เห็นชัดเจน โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 คำขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้น 139% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.06 ล้านล้านบาท (ประมาณ 32.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

ในจำนวนนี้มีเงินลงทุน 5.22 แสนล้านบาทมาจากโครงการดิจิทัล เพิ่มขึ้นถึง 20 เท่า โดยเป็นธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์เพียงอย่างเดียวดึงดูดเม็ดเงินลงทุน 5.21 แสนล้านบาท จาก 28 โครงการ แสดงให้เห็นว่าบริษัทเทคโนโลยีทั้งต่างประเทศและในประเทศกำลังเร่งตอบสนองความต้องการด้านบริการคลาวด์ขนาดใหญ่จากผู้ให้บริการคลาวด์ระดับโลก (hyperscalers) ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมหาศาล

ภาพรวมธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ถือว่า เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักที่ขับเคลื่อนบริการดิจิทัลต่างๆ ทั้งภาคประชาชน ภาคธุรกิจ และภาครัฐ โครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลนี้มีแนวโน้มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากความต้องการบริการคลาวด์คอมพิวติ้งและ AI เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ ส่งผลดีต่อธุรกิจเกี่ยวเนื่อง รวมทั้งการดำเนินธุรกิจของ บมจ.สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (SPREME)  ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสาร ในฐานะผู้ออกแบบ จัดหา และติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในงานเทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจร (System Integrator) รวมถึงให้บริการดูแลบำรุงรักษา ซ่อมแซม และให้เช่าระบบคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่อพ่วง

โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SPREME ภานุวัฒน์ ขันธโมลีกุล” ระบุผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 3/2568 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568) มีรายได้รวม 177.20 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 18.76 ล้านบาท ในขณะที่ต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารค่อนข้างคงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและงวดเดียวกันของปีก่อน สะท้อนประสิทธิภาพในการควบคุมงบประมาณของทางบริษัทฯ โดยอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 10.59%

"แนวโน้มผลงานในไตรมาส 4/2568 คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการส่งมอบโครงการขนาดกลางจำนวนหนึ่งที่เข้าทำสัญญา และจะสามารถส่งมอบตามแผนที่วางไว้ รวมถึงสัญญาภายใต้โครงการขนาดใหญ่หรือ Mega Project บางส่วนก็จะทยอยส่งมอบและรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4/2568 ด้วยเช่นกัน ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้"

และที่ผ่านมา SPREME คว้างานใหญ่ทั้งจากรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานราชการอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในการส่งมอบโซลูชั่นด้าน IT ครบวงจร ทั้งการให้เช่า การติดตั้ง และบริการบำรุงรักษา ซึ่งจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนผลการดำเนินงาน โดยปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้ จำนวน 3,600 ล้านบาท สร้างฐานรายได้ที่มั่นคงในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า

สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2569 บริษัทฯมุ่งเน้นโครงการที่สามารถสร้างรายได้ที่เป็นลักษณะต่อเนื่อง (Recurring Income) ประกอบกับการเข้าประมูลโครงการภาครัฐต่างๆ ที่มีอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ โดยเฉพาะงานที่สนับสนุนนวัตกรรมใหม่ และปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจและสังคมไทย เพื่อเพิ่มความมั่นคงในการเติบโตของรายได้เป็นหลัก