Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 17-11-25 (เจ๊กลับมาแล้วคร๊าาาาา)
Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 17-11-25 (เจ๊กลับมาแล้วคร๊าาาาา)
17-11-25 สวัสดี “ปีงูไฟ" ค่ะพี่น้องชาวไทยที่รัก "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยมีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***เจ๊จิ๋มกลับแล้วค่ะ!!! รายงานตัวที่เก่าเวลาเดิม เพิ่มเติมคือคิดถึงแฟนคลับทุกคน..หอบเอาความสุข ความเย็น มาฝากทุกท่านค่ะ
***วันศุกร์ที่ผ่านมา ดาวโจนส์ปิดที่ 47,147.48 จุด ลดลง 309.74 จุด หรือ -0.65%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,734.11จุด ลดลง 3.38 จุด หรือ -0.05% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,900.59 จุด เพิ่มขึ้น 30.23 จุด หรือ +0.13%
***รายงานข่าวระบุว่า ดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (14 พ.ย.) ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดบวกเล็กน้อย ขณะที่นักลงทุนกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. และนักลงทุนรอการเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสของบริษัท Nvidia ในสัปดาห์นี้
***”เจฟฟรีย์ ชมิด” ประธานเฟดสาขาแคนซัสซิตีระบุในวันศุกร์ว่า ความกังวลของเขาเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ร้อนแรงเกินไปนั้นมากกว่าผลกระทบจากภาษีนำเข้า พร้อมส่งสัญญาณว่า เขาอาจคัดค้านอีกครั้งในการประชุมเฟดเดือนธ.ค. หากกรรมการเฟดเลือกที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น โดยเขาเป็นหนึ่งในกรรมการสองคนที่คัดค้านในการประชุมเดือนต.ค. ซึ่งเฟดมีมติลดดอกเบี้ยลง 0.25%
***ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (17-21 พ.ย.2568) กูรูหุ้นประเมินสัญญาณทางเทคนิค มีแนวรับที่ 1,230และ 1,200 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,285 และ 1,300 จุดตามลำดับ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และทิศทางเงินทุนต่างชาติส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค. , ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนพ.ย.(เบื้องต้น), บันทึกการประชุมเฟด
ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ของญี่ปุ่น ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนต.ค. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น การกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR เดือนพ.ย. ของจีน ตลอดจนดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนพ.ย. (เบื้องต้น) ของอังกฤษ ยูโรโซนและญี่ปุ่น
***ผลประกอบการประจำไตรมาส 3/68 น่าจะมีออกมาวันนี้เป็นวันสุดท้าย หลายบริษัทโดดเด่นมากๆ มีหลายตัวเจ้าตาเจ๊!! และไม่อยากให้แฟนคลับมองข้ามไป เริ่มจาก PTG โชว์ผลงานไตรมาส 3/2568 มีกำไรสุทธิจำนวน 211 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 185.4% จากปีก่อน มีรายได้จากการขายและการให้บริการจำนวน 53,706 ล้านบาท รับอานิสงส์ธุรกิจ Non-Oil ที่มีรายได้จากการขายและการให้บริการเท่ากับ 6,113 ล้านบาท นำโดยธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยที่มีรายได้เติบโตกว่า 3 เท่า เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขยายสาขา และการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ที่เติบโต 40–50% ประกาศคงเป้ารายได้ธุรกิจ Non-Oil ปี 2568 อยู่ที่ 30-40 % จากปีก่อน ขณะที่สัดส่วนกำไรขั้นต้นธุรกิจ Non-Oil อยู่ที่ 35-40% กลุ่มสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก
***”พิทักษ์ รัชกิจประการ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บิ๊กบอส PTG กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงเดินพัฒนาธุรกิจ Non-Oil ให้มีความหลากหลาย ผ่านแบรนด์ในเครือ อาทิ สถานีบริการก๊าซ LPG และก๊าซหุงต้ม PT, Max Mart, Coffee World, Subway, Autobacs, Max Camp, Maxnitron, EleX by EGAT PT รวมถึงสถานีบริการรูปแบบใหม่ GIGA EV จากฐานลูกค้าสมาชิกรวมกว่า 27 ล้านรายทั่วประเทศ เป็นกลไกหลักสนับสนุนการเติบโต
***หันมาดูทาง PIS พูดได้เลยว่า..เกินต้าน! โชว์ผลงาน 9 เดือนแรกปี 68 รายได้ 2,435 ล้านบาท พุ่ง 146% กำไรสุทธิ 233 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 243% ทำนิวไฮต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้งานโครงการภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ งานนี้แม่ทัพหญิง "เบญญาภา เฉลิมวัฒน์" ระบุ โค้งสุดท้ายลุยประมูลงาน SI เมกะโปรเจคระดับ 1,000 ล้านบาท หนุน Backlog แน่นกว่า 4,095 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ยาว 5 ปี มั่นใจผลักดันรายได้ปีนี้เติบโตทะลุเป้าหมายแตะ 3,000 ล้านบาท ทำนิวไฮ
***“สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯ ยังคงเห็นแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน โดยพร้อมเดินหน้าประมูลงานโครงการภาครัฐและรัฐวิสาหกิจหลายรายการ และขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาเพิ่มเติม รวมถึงยังมุ่งแสวงหาโอกาสใหม่ในหลากหลายด้าน เพื่อเสริมศักยภาพในการเข้ารับงานโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน พร้อมกับเชื่อมั่นว่ารายได้รวมในปีนี้จะสามารถเติบโตแตะระดับ 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นสถิติสูงสุดใหม่ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน”
***TFG ยังคงแรงไม่หยุด! ผลงาน 9 เดือนปี 68 กำไรแตะ 6,292.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 177.70% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ผลจากราคา ปริมาณขายไก่ สุกรในไทย และสุกรเวียดนามที่ขยายตัว และรายได้จากการขยายสาขาของร้านค้าปลีก รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบต่อหน่วยที่ลดลง บอร์ดใจดีเคาะจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดอัตรา 0.10บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 กำหนดจ่าย 11 ธันวาคม 2568 ฟากผู้บริหาร “เพชร นันทวิสัย” ระบุ ร้านค้าปลีก “ไทยฟู้ดส์ เฟรซ มาร์เก็ต” เป็น Flagship สำคัญในการสร้างรายได้ที่ดี พร้อมเดินหน้าขยายสาขาให้ครบ 615 สาขาปีนี้ หวังเพิ่มมาร์จิ้น และสร้างการเติบโตยั่งยืน
***พร้อมกันนี้บอร์ด TFG มีมติจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2568 ตั้งแต่วันที่ 1มกราคม 2568 - 30 กันยายน 2568 เป็นเงินสดในอัตรา 0.10 บาท/หุ้น โดยกำหนดขึ้น XD วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 11 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ หากรวมการจ่ายปันผลระหว่างกาลในรอบปีนี้ทั้งหมด เท่ากับ 0.40 บาท/หุ้น (มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลจำนวน 3 ครั้ง)
***”เพชร นันทวิสัย” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ TFG กล่าวถึงแนวทางการดำเนินงานในช่วงสุดท้ายของปี 2568 ว่าบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายสาขาร้านค้าปลีก "ไทยฟู้ดส์ เฟรซ มาร์เก็ต" (Retail Shop) เพิ่มขึ้นตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยสิ้นปีคาดว่าจะมีสาขารวม 615 สาขา เพื่อรองรับความต้องการผู้บริโภค ทั้งยังเพิ่มมาร์จิ้นให้ธุรกิจ สนับสนุนผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนให้กับบริษัทฯ
***ถ้าว่ากันด้วยเรื่องสถิติ new high อย่ามองข้าม TPS!!! รอบนี้โชว์กำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ทำสถิติสูงสุดใหม่! ทะยาน 39.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.60% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน จากการรับรู้รายได้จากธุรกิจหลักโตแรง ฟากซีอีโอ “บุญสม กิจเกษตรสถาพร” ระบุ มั่นใจไตรมาสสุดท้ายปีนี้ยังสามารถทำผลงานออกมาได้ดี ปัจจุบันมี Backlog 1,667 ล้านบาท พร้อมลุยประมูลงานภาครัฐ-เอกชนต่อเนื่อง ผลักดันรายได้ปี 68 เติบโต 20-25% ตามแผน
***“รายได้และกำไรในไตรมาส 3/2568 และงวด 9 เดือนของปีนี้ เป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทฯ วางไว้ ทั้งในส่วนของ TPS และกลุ่มบริษัทย่อย มีการบริหารจัดการและปรับกลยุทธ์การบริหารธุรกิจให้เป็นไปตามแผน โดยการนำ AI มาใช้พัฒนาบริการต่าง ๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า สามารถส่งมอบงานได้ตามกำหนด ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากภาครัฐ 43.96% และภาคเอกชน 56.04%”
***ส่วนแนวโน้มของไตรมาส 4/2568 ทาง TPS มั่นใจว่ายังสามารถทำผลงานให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และยังคงเป้าหมายรายได้เติบโตในปีนี้ที่ 20-25% จากปีก่อน ด้วยงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่มีจำนวน 1,667ล้านบาท ขณะเดียวกัน TPS และ กลุ่มบริษัทย่อย ยังเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อนำมาเพิ่มพอร์ต Backlog ที่มีอยู่ ตลอดจนถึงปี 2569 บริษัทฯ ยังใช้กลยุทธ์ในการดำเนินงาน ทั้งการขยายฐานลูกค้าและการขับเคลื่อนโซลูชัน ด้านงาน Cyber, AI, Smart Health การเพิ่มรายได้ประจำ เช่น งานด้าน Maintenance Service Agreement (MA) พร้อมทั้ง เร่งการเติบโตของกลุ่มบริษัทย่อย
***บมจ.อาม่า มารีน (AMA) แจ้งผลงานไตรมาส 3/68 กวาดรายได้ 714.28 ล้านบาท กำไรสุทธิ 44.49 ล้านบาท นอกจากนี้บอร์ดใจดี ไฟเขียว! เคาะจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.10 บาท/หุ้น กำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 9ธันวาคม 2568ผู้บริหาร “พิศาล รัชกิจประการ” ระบุเดินหน้าขยายบริการรูปแบบใหม่นอกเหนือธุรกิจการขนส่งสินค้าทางรถ – ทางเรือ เพื่อสร้างการเติบโต และเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร เสริมศักยภาพการเติบโต และการแข่งขันระยะยาว
***ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/68 ของ AMA บิ๊กบอส“พิศาล รัชกิจประการ”เชื่อว่าจะมีทิศทางการดำเนินงานที่ดี และจะขยายตัวดีขึ้นจากช่วง High Season ขณะเดียวกันบริษัทฯ เดินหน้าในการสร้างโอกาสการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต ซึ่งโฟกัสในธุรกิจโลจิสติกส์เป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ Warehouse และขนส่งทางโดรน ที่ล่าสุดบริษัทฯ ได้ร่วมสาธิตการบินโดรนขนส่งยาและเวชภัณฑ์ เพื่อแสดงศักยภาพของเทคโนโลยีขนส่งอัจฉริยะในภาคการแพทย์ โดยโครงการดังกล่าวมีระยะเวลาสัญญาเริ่มตั้งแต่เดือน ธันวาคม 2568 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน มีนาคม 2569
***ถ้าเอ่ยเรื่องการจ่ายเงินปันผลมองข้าม DMT ไม่ได้เด็ดขาด!! รายงานล่าสุดคือผลการดำเนินงานไตรมาส 3/68 มีรายได้รวม 670.41 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 278.88 ล้านบาท สะท้อนศักยภาพการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจยังผันผวน พร้อมประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.22 บาท/หุ้น ตอกย้ำสถานะทางการเงินมั่นคง สะท้อนนโยบาย "ปันผลเติบโตต่อเนื่องอย่างมั่นคงและยั่งยืน” ฟาก “ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย”ระบุ ยืนยันเป้ารายได้ปี 68 เติบโตเกิน 10% ตามแผน เดินหน้าขยายธุรกิจใหม่ด้านโครงสร้างพื้นฐานและระบบจราจรอัจฉริยะ เพื่อเสริมฐานรายได้ในอนาคต
***”ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย” กรรมการผู้จัดการ DMT ประเมินแนวโน้มไตรมาส 4/2568 โดยคาดว่าปริมาณการเดินทางจะปรับตัวดีขึ้นตามฤดูกาล และได้รับแรงหนุนจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแผนลงทุนภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ ซึ่งจะเป็นโอกาสต่อการขยายงานของกลุ่ม DMT ทั้งในส่วนของทางยกระดับและธุรกิจใหม่
***“DMT ยังเดินหน้ากลยุทธ์ New Business Venture อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความยั่งยืนและลดการพึ่งพารายได้จากค่าผ่านทางเพียงแหล่งเดียว โดยเตรียมเข้าร่วมประมูลโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (M82, M5) รวมถึงจุดพักรถริมทางหลวงที่ภาครัฐเตรียมเปิดประมูลในอนาคตอันใกล้ ซึ่งจะช่วยเสริมโอกาสเติบโตในระยะยาว” ดร.ศักดิ์ดา กล่าวในที่สุด
***ทางด้าน SSP ยังคงโชว์ฟอร์มได้ดี ผลการดำเนินงาน Q3/68 มีกำไรหลักจากการดำเนินงานอยู่ที่ 119.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 230.8% QoQ หลัง Adder หมด ขณะที่ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 68 มีรายได้จากการขายไฟฟ้าและบริการอยู่ที่ 2,269.4 ล้านบาท อานิสงส์ Wind speed โรงไฟฟ้าพลังงานลมในไทย ดีเยี่ยม บิ๊กบอส “วรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์” คาด ไตรมาส 4/68 ถือเป็นช่วงที่ดีที่สุดของปี จากโรงไฟฟ้าพลังงานลมเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ผนวกกับการเริ่มรับรู้รายได้โครงการใหม่ โซลาร์ฟาร์ม LEO 2 ในประเทศญี่ปุ่น มั่นใจพร้อมเดินหน้าทยอย COD ต่อเนื่อง เข้าสู่โหมดการเติบโตครั้งใหม่
***สำหรับไตรมาส 4/2568 คาดว่าจะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของปีของ SSP โดยได้รับปัจจัยบวกจากช่วงไฮซีซั่นโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่คาดว่าจะมีค่าแรงลมดีที่สุด เหมาะสมต่อการผลิตไฟฟ้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม LEO 2 ในประเทศญี่ปุ่นได้ทันที ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2568 มีแนวโน้มอยู่ในระดับที่ดี แม้ว่าในระหว่างปีจะมีหลายปัจจัยกดดันก็ตาม
***ปัจจุบัน SSP มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมกว่า 365 เมกะวัตต์ และจะทยอย COD โครงการใหม่อย่างต่อเนื่องในทุกปี โดยมีแผนพัฒนามากกว่า 10 โครงการ รวมกำลังการผลิตกว่า 400 เมกะวัตต์ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายการเติบโตที่ระดับ 790 เมกะวัตต์ ในปี 2573