ทองคำปลายปีแรงไม่หยุด! ธนาคารกลางทั่วโลกแห่ตุน เป้าแตะ 5,000 ดอลลาร์ ปลายปี 69

Mr.Data

AUSIRIS มองราคาทองคำปลายปี 2568 ยังได้รับแรงหนุนต่อเนื่องจากการเข้าซื้อทองของธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะจีนที่ถือทองเพิ่มติดต่อกัน 12 เดือน และกองทุน SPDR ที่กลับมาซื้อสุทธิกว่า 2.8 ตัน สะท้อนความเชื่อมั่นในบทบาททองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก คาดราคาทองคำมีโอกาสขึ้นแตะ 4,900-5,055 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายในปลายปี 69

4 ปัจจัยหนุนทองพุ่ง! ช่วงปลายปี

AUSIRIS ระบุว่า ป้จจัยหนุนราคาทองคำในช่วงปลายปี 2568 มาจาก 4 ปัจจัยประกอบด้วย 1.อุปสงค์จากธนาคารกลางทั่วโลก โดยในช่วงที่ผ่านมาธนาคารกลางหลายแห่งยังคงซื้อทองคำเข้าเป็นทุนสำรองอย่างต่อเนื่องในปริมาณที่สูงมาก  มีรายงานว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2565-2567) ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 ตันต่อปี อุปสงค์ที่แข็งแกร่งนี้มาจากความต้องการกระจายความเสี่ยงจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์

2.ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาตร์ ความขัดแย้งต่างๆในโลก เช่น รัสเซีย-ยูเครน ตะว้นออกกลาง ความขัดแย้งเหล่านี้ทำให้นักลงทุนมองหาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง

3.สงครามการค้า ความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน และอื่นๆ ยังไม่จบ ทำให้นักลงทุนหันมาหาทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และเป็นทางเลือกทดแทนเงินดอลลาร์ ในช่วงเวลาที่ความไม่แน่นอนทางการค้าเพิ่มขึ้น ธนาคารกลางและนักลงทุนสถาบันจะเพิ่มการถือครองทองคำ เพื่อกระจายความเสี่ยงจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

4.เงินเฟ้อและหนี้สินสูง แม้เงินเฟ้อจะลดลง แต่ยังคงสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางหลายแห่ง และหนี้สินสาธารณะในหลายประเทศยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งหนุนความน่าสนใจทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ

ธนาคารกลางทั่วโลกเดินหน้าซื้อทองต่อเนื่อง

ขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องในปี 2568 โดยเฉพาะในไตรมาส 3 ที่มียอดซื้อสุทธิประมาณ 220 ตัน เพิ่มขึ้นถึง 28% จากไตรมาสก่อนหน้า และสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีอย่างมีนัยสำคัญ ธนาคารกลางหลายประเทศในตลาดเกิดใหม่ยังคงเป็นผู้ซื้อหลัก การเข้าซื้อทองคำยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าราคาจะปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง

ผลกระทบต่อตลาดทองคำโลกคือ การซื้อทองคำจำนวนมาก โดยธนาคารกลางส่งผลให้ราคาทองคำยังคงได้รับแรงหนุน ราคาทองคำจึงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น สร้างพื้นฐานที่แข็งแรง และลดความเสี่ยงจากการขายทำกำไร โดยเฉพาะในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และภูมิรัฐศาสตร์ ราคาทองคำจึงมักถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ธนาคารกลาง และนักลงทุนสถาบันต้องการสะสมเพิ่มขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงของทุนสำรอง

จีนถือทองคำเพิ่มเดือนที่ 12 ติดต่อกัน

ธนาคารกลางจีนรายงานการเพิ่มการถือครองทองคำเป็น 74.09 ล้านออนซ์ ณ สิ้นเดือนตุลาคม จาก 74.06 ล้านออนซ์ในเดือนก่อนหน้า นับเป็นการเข้าซื้อทองคำต่อเนื่องเป็น เดือนที่ 12 ติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวกว่าจีนยังคงเดินหน้ากระจายความเสี่ยงจากเงินดอลลาร์และรักษาเสถียรภาพของทุนสำรองระหว่างประเทศ

ดอกเบี้ยขาลงยังไม่จบ!

AUSIRIS มองว่าโอกาสที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมนั้นมีแนวโน้มต่อเนื่องไปอีก 1-2 ปีตามคาดการณ์ของสมาชิกเฟดบางส่วน และการคาดการณ์ของนักลงทุนในตลาด

นอกจากนี้ การที่เฟดชุดปัจจุบัน ประธานเฟด Jerome Powell จะหมดวาระในเดือนพฤษภาคม 2569 จะมีผลต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินหลายประการ หากประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ได้แต่งตั้งคนที่เขาเลือกมาเป็นประธานเฟด หลังจากวาระของ Jerome Powell สิ้นสุดลงในปี 2569 มีโอกาสนโยบายของเฟดจะเปลี่ยนไปในแนวทางที่เน้นการลดดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว และมากกว่าที่ Powell ทำ เนื่องจากทรัมป์มักวิจารณ์ Jerome Powell  ว่า "ช้าเกินไป" และต้องการให้เฟดลดดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเข้มข้นมากขึ้น

มีตัวเต็งที่ทรัมป์สนับสนุนเช่น เควิน ฮัสเซ็ตต์ และเควิน วอร์ช ซึ่งเป็นคนที่ทรัมป์พิจารณว่าดีมาก และพร้อมสนับสนุนแผนการลดอกเบี้ยอย่างจริงจัง นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังได้ปลดสมาชิกคณะกรรมการเฟดที่ไม่สอดคล้องกับแนวทางของเขา และมีแนวโน้มเลือกคนที่สนับสนุนแนวทางลดดอกเบี้ยในตำแหน่งที่สำคัญ

เฟดภายใต้การกำกับทรัมป์อาจหนุนทอง

ดังนั้น หากเป็นคนของทรัมป์มาคุมเฟด นโยบายดอกเบี้ยจะเน้นการลดดอกเบี้ยให้เร็วและแรงขึ้นกว่าปัจจุบัน เพื่อลดภาระต้นทุนการเงิน และกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้ดอลลาร์มีแนวโน้มอยู่ในทิศทางขาลงต่อจากปีนี้ และจะทำให้ราคาทองมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยระยะยาว ขึ้นอยู่กับความสมดุลของเศรษฐกิจและตลาดเงินในระยะยาว ที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตามการรับรู้ของนักลงทุนต่อความเสี่ยงเงินเฟ้อ และเสถียรภาพเศรษฐกิจ

คาดทองทะลุ 5,000 ดอลลาร์ ปลายปี69

โกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองสู่ระดับ 4,900 ดอลลาร์ ภายในเดือนธันวาคม 2569 จากเดิมที่ระดับ 4,300 ดอลลาร์ Bank of America คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นไปถึง 5,000 ดอลลาร์ ในปี 2569 โดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 4,400 ดอลลาร์

ล่าสุด นักวิเคราะห์ของ JP Morgan คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 5,055 ดอลลาร์ ภายในไตรมาส 4/2569 โดยตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวอยู่บนสมมติฐานที่ว่าอุปสงค์ของนักลงทุนและการซื้อทองคำของธนาคารกลางจะมีค่าเฉลี่ยราว 566 ตัน/ไตรมาส ในปี 2569