รายงานพิเศษ : TGE ผลงานเติบโตแข็งแกร่ง ธุรกิจพลังงานสะอาดตอบโจทย์ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
บมจ.ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ (TGE) ผลงานเติบโตโดดเด่น ธุรกิจพลังงานสะอาดมาแรงหลังการลดภาวะโลกร้อนเป็นปัจจัยที่ทุกภาคส่วนให้ความใส่ใจ
ภาวะโลกร้อนเป็นความท้าทายที่ทุกประเทศต้องวางแนวทางรองรับอย่างเร่งด่วน ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศจุดยืนของประเทศไทยในการร่วมแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศร่วมกับนานาประเทศ โดยกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เหลือไม่เกิน 152 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือคิดเป็นการลดลง 47% จากระดับปีฐาน 2562
นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ได้วิเคราะห์ถึงนโยบายคาร์บอนต่ำของประเทศไทยว่า การเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ไม่เพียงแต่ทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยโดยตรง
ล่าสุดรัฐบาลได้ผลักดันร่างกฎหมาย Climate Change เป็นกฎหมายหลัก โดยนโยบายสำคัญที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ เพื่อรองรับอนาคตคาร์บอนต่ำ อาทิ
- ร่าง พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ร่างนี้จัดทำโดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ซึ่งคาดว่าจะเป็นร่างหลักในการกำหนดกฎหมายเกี่ยวกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัว โดยร่างกฎหมายนี้ จะกำหนดเครื่องมือสำคัญเพื่อให้ประเทศบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero ได้รวดเร็วขึ้น
โดยกฎหมายดังกล่าว จะกำหนดกลไกราคาคาร์บอน เช่น การจัดตั้งระบบซื้อขายสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการนำคาร์บอนภาษีมาใช้ควบคู่กัน โดยภาษีคาร์บอนจะเน้นไปที่น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นหลัก
- กองทุนภูมิอากาศ (Climate Fund) เพื่อนำเงินมาสนับสนุนการปรับตัวและการลดก๊าซฯ ซึ่งเงินทุนอาจมาจากรายได้จากการประมูลโควตาการปล่อยก๊าซฯ
- ภาษีคาร์บอน ปัจจุบันกรมสรรพสามิตได้เริ่มเก็บภาษีคาร์บอนสำหรับน้ำมัน (เบนซิน ดีเซล LPG น้ำมันเตา) ในอัตรา 200 บาทต่อตันคาร์บอนเทียบเท่า อย่างไรก็ตาม การเก็บนี้ยังไม่ได้เป็นการเก็บจริง แต่เป็นการลดหย่อนภาษีสรรพสามิตที่เก็บอยู่เดิม ดังนั้น ผลกระทบต่อผู้บริโภคจึงยังอยู่ในอัตราเดิม อย่างไรก็ดี ถือเป็นการสร้างความตระหนักให้ประเทศคุ้นเคยกับคำว่าภาษีคาร์บอน
ด้านภาคการเงิน ได้แก่ การออก Thailand Taxonomy กำหนดว่ากิจการประเภทใด จะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากน้อยเพียงใด โดยเฟส 1 (ดำเนินการไปแล้ว) เน้นสาขาที่ปล่อยก๊าซสูง คือ พลังงาน และขนส่ง โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะผลักดันให้สถาบันการเงินและภาคธุรกิจ นำไปใช้ในการพิจารณาสินเชื่อและการตัดสินใจลงทุน เพื่อบริหารความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ และส่งเสริม Sustainable Financing
ส่วนเฟส 2 เพิ่มอีก 4 สาขา ได้แก่ เกษตร (รวมพืช ปศุสัตว์ สัตว์น้ำ และป่าไม้) อสังหาริมทรัพย์และอาคาร (ทั้งเก่าและใหม่) อุตสาหกรรมการผลิต (โดยเฉพาะอุตสาหกรรมหนัก) และการจัดการของเสีย
ทั้งนี้ เมื่อรวมเฟส 1 และ 2 แล้ว Thailand Taxonomy จะครอบคลุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศเกินกว่า 95% ขณะเดียวกัน Thailand Taxonomy เฟส 2 ยังให้ความสำคัญกับการป้องกันการฟอกเขียว โดยใช้หลักการที่ว่ากิจกรรมที่ถูกจัดประเภท จะต้องไม่ก่อให้เกิดผลลบอย่างมีนัยสำคัญ
การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด นับเป็นส่วนสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสอดคล้องกับการทำธุรกิจของ บมจ.ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ (TGE) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและบริหารจัดการโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนอย่างครบวงจร ครอบคลุมทั้ง พลังงานจากชีวมวล (Biomass), ก๊าซชีวภาพ (Biogas) และพลังงานจากขยะ (WTE-Waste to Energy)
และล่าสุด TGE ได้ใบประกาศนียบัตรเครื่องหมายรับรองฉลากคาร์บอนขององค์กร (Carbon Footprint for Organization: CFO) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) รางวัลนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ TGE ในการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG)
เพื่อมุ่งสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว โดยปัจจุบัน TGE มีปริมาณคาร์บอนเครดิตสะสม 223,423 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCo2e) และใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (I-REC) จำนวน 116,835 เมกะวัตต์-ชั่วโมง (MWh) ซึ่งตอกย้ำศักยภาพขององค์กรในการขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ