รายงานพิเศษ : SUPER เดินหน้าลุยพลังงานสะอาด พัฒนาเทคโนโลยีด้านระบบกักเก็บพลังงาน สร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน
พัฒนาการด้านพลังงานสะอาดมีความคืบหน้าไปอีกก้าว เมื่อรัฐบาลสนับสนุนระบบกักเก็บพลังงาน (ระบบ BESS) จัดสรรโควตากำลังการผลิตไฟฟ้าที่จะเกิดใหม่ให้กับระบบกักเก็บพลังงาน หวังสร้าวความมั่นคงในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดตามแผน PDP2024 หนุนผลงาน บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER)
Krungthai Compass วิเคราะห์เกี่ยวกับระบบพลังงานของไทย โดยระบุว่า ตามร่างแผน PDP 2024 ภาครัฐมีแผนที่จะจัดสรรโควตากำลังการผลิตไฟฟ้าที่จะเกิดใหม่ให้กับระบบกักเก็บพลังงาน (ระบบ BESS) ทั้งหมด 10,485 เมกะวัตต์ เพื่อรักษาความต่อเนื่อง ในการจ่ายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และเพิ่มความมั่นคงของระบบผลิตและจ่ายไฟฟ้า และ โดยคาดว่าจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ในช่วงปี 2575-78
ซึ่งในการพัฒนาระบบ BESS รูปแบบที่ภาครัฐลงทุนระบบ BESS ด้วยตนเอง ประเมินว่าเป็นหนึ่งในรูปแบบที่เหมาะสม เมื่อพิจารณาในแง่วัตถุประสงค์ในการจัดสรรโควตากำลังการผลิตไฟฟ้าให้ระบบ BESS ในร่างของแผน PDP 2024 และต้นทุนทั้งหมดที่ภาครัฐต้องแบกรักภาระอย่างไรก็ดี ภาครัฐสามารถลดภาระงบประมาณในการพัฒนาระบบ BESS โดย จัดสรรโควตาให้ภาคเอกชนไปดำเนินธุรกิจระบบ BESS ในรูปแบบสัญญาเช่า
แผนการลงทุนระบบกักเก็บพลังงานในร่างของแผน PDP 2024 จำนวน 10,485 เมกะวัตต์ คาดว่าจะก่อให้เกิดเม็ดเงินลงทุนราว 2.91 แสนล้านบาท ในช่วงปี 2574-78 รวมทั้งสร้างผลตอบแทนให้กับภาคเอกชนราว 6.7% ต่อปี ในกรณีที่ภาครัฐจัดสรรโควตาให้ภาคเอกชนไปดำเนินธุรกิจระบบ BESS ในรูปแบบสัญญาเช่า ตลอดอายุการใช้งานของระบบ BESS ที่ 15 ปี
นอกจากนั้น การลงทุนระบบ BESS นี้ คาดว่าจะสร้างรายได้กับธุรกิจในห่วงโซ่อุปทานของการพัฒนาระบบ BESS ราว 2.62 แสนล้านบาท ในช่วงปี 2574-78 โดยธุรกิจที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด คือ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการในกลุ่มนี้ราว 1.36 แสนล้านบาทในช่วงเวลาดังกล่าว
แนวทางการพัฒนาระบบ BESS นับเป็นทิศทางการเติบโตของวงการพลังงานสะอาด ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์การเดินหน้าธุรกิจของ บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) ที่ล่าสุดบริษัท SUPER ได้ลงนาม MOU กับ NMB-Minebea Thai Ltd. (NMB) ร่วมพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ไฟฟ้าติดตั้งร่วมกับแบตเตอรี่ หรือ Solar-Battery Energy Storage System (BESS) กำลังผลิตรวม 341.15 เมกะวัตต์ในพื้นที่ จ.ลพบุรี และบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SUPER ระบุความร่วมมือครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญด้านการเพิ่มสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด เพื่อบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions มั่นใจการร่วมมือเป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
ความร่วมมือระหว่าง SUPER และ NMB เกิดขึ้นเพื่อร่วมกันผลิตและใช้พลังงานสะอาดจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน รวมถึงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อมุ่งสู่การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันด้านการผลิตและการส่งออกให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ SUPER และ NMB เป็นหนึ่งใน 18 คู่ความร่วมมือที่เข้าร่วมพิธีลงนาม MOU ในงาน AZEC Progress Report 2025 ซึ่งจัดขึ้น ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมีองค์กรจากหลากหลายประเทศเข้าร่วมลงนามรวม 18 คู่ อาทิ องค์กรจากประเทศ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ลาว ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย
"ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ SUPER ในการผลักดันพลังงานสะอาดและการพัฒนาเทคโนโลยีด้านระบบกักเก็บพลังงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในประเทศไทย ตลอดจนเป็นการตอกย้ำบทบาทของ SUPER ในฐานะผู้นำพลังงานสะอาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งยังเป็นไปตามเป้าหมาย AZEC การเติบโตทางเศรษฐกิจ (Economic Growth) ความมั่นคงทางพลังงาน (Energy Security)"