ตะลึง! โบรกฯให้เป้า SET ปี 69 1,380 จุด เหตุภาคบริโภคยังอ่อนแอ ชี้เลือกตั้งรอบหน้าอาจได้รัฐบาลผสม
โบรกฯ มองเป้าหมายดัชนี SET ปี 69 ที่ 1,380 จุด เหตุเลือกตั้งรอบหน้า อาจได้รัฐบาลผสมอนุรักษ์นิยม-ก้าวหน้า ทำรัฐบาลขาดความแข็งแรง หวั่นไม่อาจปฏิรูประบบเศรษฐกิจ ที่เผชิญแรงกดดันจากการบริโภคที่อ่อนแอ
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า ตลาดหุ้นไทยหลังฟื้นตัวแข็งแกร่งจากจุดตํ่าสุดในช่วงกลางปี โดยได้แรงหนุนจากหลายปัจจัย โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับขึ้นไปอีกได้ถึง 1,380 ในปี 2569 จากผลของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
แต่อย่างไรก็ตาม การที่ดัชนีจะไปต่อไกลๆ จําเป็นต้องมีรัฐบาลใหม่ที่แข็งแรงเพียงพอที่จะใช้นโยบายปฏิรูป (Reform) ระบบเศรษฐกิจ โดยในปัจจุบันไทยกําลังเผชิญกับอุปสรรคเชิงโครงสร้างสองประการ ได้แก่ การลงทุนและการบริโภคที่อ่อนแอจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยกดดันอื่น ได้แก่ เงินบาทที่แข็งค่าและโครงสร้างประชากรที่มีสัดส่วนผู้สูงวัยในระดับสูงอุปสรรคเหล่านี้ต้องการนโยบายที่เน้นการปฏิรูปที่เข้มแข็งเพื่อแก้ไข และนโยบายที่เข้มแข็งนั้นไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ หากไม่มีรัฐบาลที่มีอํานาจเต็ม โดยมุมมองของเราไม่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากผลการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า รัฐบาลชุดถัดไปน่าจะยังคงเป็นรัฐบาลผสมอนุรักษ์นิยมและก้าวหน้า
อีกทั้ง ยังเห็นสัญญาณว่าธปท. จะดําเนินนโยบายแบบค่อยเป็นค่อยไปและสมดุลแทนที่จะใช้มาตรการที่เข้มงวดในการจัดการกับอุปสรรคเชิงโครงสร้างที่กล่าวถึงข้างต้น
ทั้งนี้ เนื่องจากเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ไม่ได้สูงมากนัก และไม่ได้มองว่าตลาดจะขึ้นแบบกระจายตัว จึงแนะนํา 4 ธีมการลงทุนสําหรับไตรมาส 1/69 ประกอบไปด้วย 1.กระแสการเติบโตของAI และดาต้าเซนเตอร์ 2.นโยบายการคลังและการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น พร้อมมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ 3.รอบการลงทุนจาก FDI และ 4.ราคาพลังงานที่ตํ่า
โดยธีมเหล่านี้ทําให้เราชอบกลุ่มอุตสาหกรรมดังนี้ อิเล็กทรอนิกส์ (ได้ประโยชน์จาก AI และดาต้าเซนเตอร์), นิคมอุตสาหกรรม (ได้อานิสงส์จาก FDI และ Datacenter), ไมโครไฟแนนซ์ (ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาลงและการปรับโครงสร้างหนี้), ค้าปลีก (ได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และดอกเบี้ยขาลง) สาธารณูปโภค (ได้ประโยชน์จากราคาพลังงานที่ลดลง และความต้องการใช้ไฟจากดาต้าเซนเตอร์)
ดังนั้น เรายังคงมองบวกต่อกลุ่มอุตสาหกรรมที่แนะนําไว้ข้างต้น แต่เปลี่ยนหุ้น Top Picks บางส่วน โดยแทนที่ HMPRO และ COM7 ด้วย CPN และ GPSC เนื่อง ด้วย GPSC มีเรื่องราวการฟื้นตัวของกําไร
ขณะที่ CPN มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนกว่า HMPRO และมีมูลค่าที่ถูกกว่า ขณะที่ COM7 ปรับตัวขึ้นมากกว่า 40% จากจุดตํ่าสุดของปีนี้แล้ว ทั้งนี้เรายังคงหุ้น Top Picks ตัวอื่นเช่นเดิม ซึ่งได้แก่ DELTA, MTC, SAWAD, GULF, MOSHI, TRUE, AMATA และ CPALL
ยอดนิยม
ทองโลกเบรก Double Top โครงสร้างขาลงพัง! เปิดทาง Buy ตามเทรนด์ใหม่ ทองไทยไปต่อ! บวก 900 บาท จ่อทะลุ 66,000 บา
เป็นโอกาสลงทุน DELTA รับแรงหนุน AI-ดาต้าเซ็นเตอร์ แถม Q4/68 แกร่ง ดัน trailing EPS เพิ่ม
เลี่ยงหุ้นอิเล็กฯ-ส่งออก หลังเงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 4 ปี แถมยังเสี่ยงแตะ 30 บาท/ดอลลาร์
PTT-PTTEP รับอานิสงส์ หลังราคาน้ำมันทะยานกว่า 2.6% เหตุ เวเนซุเอลา-สหรัฐฯ ตึงเครียด