Talk of The Town

ตะลึง! โบรกฯให้เป้า SET ปี 69 1,380 จุด เหตุภาคบริโภคยังอ่อนแอ ชี้เลือกตั้งรอบหน้าอาจได้รัฐบาลผสม


05 พฤศจิกายน 2568

โบรกฯ มองเป้าหมายดัชนี SET ปี 69 ที่ 1,380 จุด เหตุเลือกตั้งรอบหน้า อาจได้รัฐบาลผสมอนุรักษ์นิยม-ก้าวหน้า ทำรัฐบาลขาดความแข็งแรง หวั่นไม่อาจปฏิรูประบบเศรษฐกิจ ที่เผชิญแรงกดดันจากการบริโภคที่อ่อนแอ

ตะลึง! โบรกฯให้เป้า SET ปี 69_S2T (เว็บ) copy_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า ตลาดหุ้นไทยหลังฟื้นตัวแข็งแกร่งจากจุดตํ่าสุดในช่วงกลางปี โดยได้แรงหนุนจากหลายปัจจัย โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับขึ้นไปอีกได้ถึง 1,380 ในปี 2569 จากผลของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

แต่อย่างไรก็ตาม การที่ดัชนีจะไปต่อไกลๆ จําเป็นต้องมีรัฐบาลใหม่ที่แข็งแรงเพียงพอที่จะใช้นโยบายปฏิรูป (Reform) ระบบเศรษฐกิจ โดยในปัจจุบันไทยกําลังเผชิญกับอุปสรรคเชิงโครงสร้างสองประการ ได้แก่ การลงทุนและการบริโภคที่อ่อนแอจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยกดดันอื่น ได้แก่ เงินบาทที่แข็งค่าและโครงสร้างประชากรที่มีสัดส่วนผู้สูงวัยในระดับสูงอุปสรรคเหล่านี้ต้องการนโยบายที่เน้นการปฏิรูปที่เข้มแข็งเพื่อแก้ไข และนโยบายที่เข้มแข็งนั้นไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ หากไม่มีรัฐบาลที่มีอํานาจเต็ม โดยมุมมองของเราไม่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากผลการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า รัฐบาลชุดถัดไปน่าจะยังคงเป็นรัฐบาลผสมอนุรักษ์นิยมและก้าวหน้า

อีกทั้ง ยังเห็นสัญญาณว่าธปท. จะดําเนินนโยบายแบบค่อยเป็นค่อยไปและสมดุลแทนที่จะใช้มาตรการที่เข้มงวดในการจัดการกับอุปสรรคเชิงโครงสร้างที่กล่าวถึงข้างต้น

ทั้งนี้ เนื่องจากเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ไม่ได้สูงมากนัก และไม่ได้มองว่าตลาดจะขึ้นแบบกระจายตัว จึงแนะนํา 4 ธีมการลงทุนสําหรับไตรมาส 1/69 ประกอบไปด้วย 1.กระแสการเติบโตของAI และดาต้าเซนเตอร์ 2.นโยบายการคลังและการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น พร้อมมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ 3.รอบการลงทุนจาก FDI และ 4.ราคาพลังงานที่ตํ่า

โดยธีมเหล่านี้ทําให้เราชอบกลุ่มอุตสาหกรรมดังนี้ อิเล็กทรอนิกส์ (ได้ประโยชน์จาก AI และดาต้าเซนเตอร์), นิคมอุตสาหกรรม (ได้อานิสงส์จาก FDI และ Datacenter), ไมโครไฟแนนซ์ (ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาลงและการปรับโครงสร้างหนี้), ค้าปลีก (ได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และดอกเบี้ยขาลง) สาธารณูปโภค (ได้ประโยชน์จากราคาพลังงานที่ลดลง และความต้องการใช้ไฟจากดาต้าเซนเตอร์)

ดังนั้น เรายังคงมองบวกต่อกลุ่มอุตสาหกรรมที่แนะนําไว้ข้างต้น แต่เปลี่ยนหุ้น Top Picks บางส่วน โดยแทนที่ HMPRO และ COM7 ด้วย CPN และ GPSC เนื่อง ด้วย GPSC มีเรื่องราวการฟื้นตัวของกําไร

ขณะที่ CPN มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนกว่า HMPRO และมีมูลค่าที่ถูกกว่า ขณะที่ COM7 ปรับตัวขึ้นมากกว่า 40% จากจุดตํ่าสุดของปีนี้แล้ว ทั้งนี้เรายังคงหุ้น Top Picks ตัวอื่นเช่นเดิม ซึ่งได้แก่ DELTA, MTC, SAWAD, GULF, MOSHI, TRUE, AMATA และ CPALL

SET