จับประเด็นหุ้นเด่น
                                
                                
                                
                                    
                                        
                                    
                                
                            
                        รายงานพิเศษ : TIDLOR สินเชื่อเติบโตแข็งแกร่ง ต้นทุนระดมเงินต่ำกว่าที่คาด สะท้อนศักยภาพการดำเนินงาน
                                            
                                            04 พฤศจิกายน 2568
                                        
                                    
                                    
                                    บมจ. ติดล้อ โฮลดิ้งส์  (TIDLOR) ผลงานยังคงเติบโตต่อเนื่อง แม้ภาวะเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างช้าๆ สะท้อนจากผลการระดมเงินผ่านการเสนอขายหุ้นกู้ที่ได้รับการตอบรับที่ดี โบรกเกอร์วิเคราะห์ต้นทุนที่จ่ายใหม่ในอัตรา 2.7% ต่ำกว่าระดับปัจจุบันที่ 3.5%  ส่งผลดีต่อบริษัท

 
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับที่สูงกว่า 80% สถาบันการเงินเข้มงวดกับการปล่อยสินเชื่อ จึงเป็นโอกาสในการทำธุรกิจของ บมจ. ติดล้อ โฮลดิ้งส์ (TIDLOR) ที่ถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) และมีบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลัก คือ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) ("NTL") ซึ่งทำธุรกิจให้บริการสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันครบวงจร ครอบคลุมรถจักรยานยนต์รถยนต์ รถบรรทุก สินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง และบริการนายหน้าประกันภัย ทั้งประกันวินาศภัยและประกันชีวิตผ่านช่องทางออนไลน์ ออฟไลน์ และดิจิทัลแพลตฟอร์ม
 
สะท้อนได้จากการวิเคราะห์ของบล.เคจีไอ ที่ระบุว่า ผลขาดทุนจากธุรกิจรถบรรทุกผ่านจุดสูงสุดไปแล้วตั้งแต่กลางปี 2567 และ NPL เริ่มนิ่งขึ้น YTD เราจึงคิดว่าต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับผลขาดทุนจากการด้อยค่าที่ถูกบันทึกผ่านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานน่าจะมีแนวโน้มลดลงในปี 2568-2569 ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่า 1.2 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้นจาก 376 ล้านบาทในปีก่อนหน้า) ซึ่งทำให้สัดส่วน C/I เพิ่มขึ้นมาเป็น 56% ซึ่งระดับนี้ เราใช้สมมติฐานสัดส่วน C/I ปี 2568F/2569F ที่ 56%/55%
 
ขณะเดียวกัน TIDLOR เพิ่งออกหุ้นกู้โดยมีอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว (coupon) ต่ำมาก (หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตรา coupon เพียง 2.7% ซึ่งต่ำกว่าหุ้นกู้ที่ออกประมาณปลายปี 2567 ที่มีอัตรา coupon 3.5% โดย coupon ที่ 2.7% ต่ำกว่าต้นทุนการระดมเงินในปัจจุบันของบริษัทที่ 3.5% ทั้งนี้ จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง และ ใช้ต้นทุนของหุ้นกู้ใหม่มาทดแทนหุ้นกู้ที่จะครบอายุใน 2H68-1H69 เราคิดว่าต้นทุนการระดมเงินของ TIDLOR จะต่ำกว่าสมมติฐานปี 2568F/2569F ของเราที่ 3.2%/2.6% ทั้งนี้ TRIS ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของ TIDLOR เป็น A+ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2568
 
ซึ่งจากความคาดหมายเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานใน 3Q68F และ ความคาดหมายว่ากำไรในงวด 9M68F จะคิดเป็นประมาณ 82% ของประมาณการกำไรเต็มปี เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2568F/2569F ขึ้นอีก 4%/5% เพื่อสะท้อนถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลงมาอยู่ที่ 1.15 หมื่นล้านบาท/1.24 หมื่นล้านบาทในปี 2568F/2569F (จากเดิม 1.17 หมื่นล้านบาท/1.27 หมื่นล้านบาท) ในขณะเดียวกัน เรายังคงประมาณการอัตราการขยายตัวของสินเชื่อปี 2568F/2569F ที่ 5%/7%, ต้นทุนการระดมเงินที่ 3.2%/2.6% และ credit cost ที่ 2.8%/2.8% ทั้งนี้ เมื่อใช้ PE ที่ 12.5x ทำให้เราได้ราคาเป้าหมายปี 2569F ใหม่ที่ 24.2 บาท (จาก 22.7 บาท) ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำซื้อ
 
สำหรับการออกหุ้นกู้ของ TIDLOR บริษัทระบุว่า ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเป็นจำนวนมาก มียอดจองซื้อเต็มครบตามเป้าหมายภายในระยะเวลาอันสั้น สะท้อนถึงความมั่นใจในเสถียรภาพทางการเงิน และศักยภาพการเติบโตอย่างมีคุณภาพและต่อเนื่อง
        
โดยหุ้นกู้ที่เสนอขายดังกล่าว เป็นหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ โดยมี บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ค้ำประกัน เสนอขายต่อผู้ลงทุนทั่วไป โดยเปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 28-30 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 6 ราย ทั้งนี้ บริษัทฯ สามารถระดมทุนได้ครบตามเป้าหมาย มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท
         
สำหรับวัตถุประสงค์การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อนำเงินที่ได้ไปชำระคืนตราสารหนี้เดิมของบริษัทย่อยในกลุ่มที่กำลังจะครบกำหนดไถ่ถอน (Refinance) ซึ่งการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของ TIDLOR หลังปรับโครงสร้างธุรกิจเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สะท้อนถึงความมั่นใจในศักยภาพและการดำเนินงานได้ตามแผนที่วางไว้ พร้อมกันนี้ บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปบริหารธุรกิจให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน โดยยังคงรักษาวินัยทางด้านการเงินอย่างเข้มงวดและระมัดระวัง
         
ทั้งนี้ หุ้นกู้ TIDLOR ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ "A+" แนวโน้มอันดับเครดิต "คงที่" จาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ซึ่งอยู่ในระดับ Investment Grade สะท้อนถึงความแข็งแกร่งจากการเป็นบริษัทที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และสถานะฐานทุนที่แข็งแรง
                                
                                
                            
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับที่สูงกว่า 80% สถาบันการเงินเข้มงวดกับการปล่อยสินเชื่อ จึงเป็นโอกาสในการทำธุรกิจของ บมจ. ติดล้อ โฮลดิ้งส์ (TIDLOR) ที่ถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) และมีบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลัก คือ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) ("NTL") ซึ่งทำธุรกิจให้บริการสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันครบวงจร ครอบคลุมรถจักรยานยนต์รถยนต์ รถบรรทุก สินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง และบริการนายหน้าประกันภัย ทั้งประกันวินาศภัยและประกันชีวิตผ่านช่องทางออนไลน์ ออฟไลน์ และดิจิทัลแพลตฟอร์ม
สะท้อนได้จากการวิเคราะห์ของบล.เคจีไอ ที่ระบุว่า ผลขาดทุนจากธุรกิจรถบรรทุกผ่านจุดสูงสุดไปแล้วตั้งแต่กลางปี 2567 และ NPL เริ่มนิ่งขึ้น YTD เราจึงคิดว่าต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับผลขาดทุนจากการด้อยค่าที่ถูกบันทึกผ่านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานน่าจะมีแนวโน้มลดลงในปี 2568-2569 ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่า 1.2 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้นจาก 376 ล้านบาทในปีก่อนหน้า) ซึ่งทำให้สัดส่วน C/I เพิ่มขึ้นมาเป็น 56% ซึ่งระดับนี้ เราใช้สมมติฐานสัดส่วน C/I ปี 2568F/2569F ที่ 56%/55%
ขณะเดียวกัน TIDLOR เพิ่งออกหุ้นกู้โดยมีอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว (coupon) ต่ำมาก (หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตรา coupon เพียง 2.7% ซึ่งต่ำกว่าหุ้นกู้ที่ออกประมาณปลายปี 2567 ที่มีอัตรา coupon 3.5% โดย coupon ที่ 2.7% ต่ำกว่าต้นทุนการระดมเงินในปัจจุบันของบริษัทที่ 3.5% ทั้งนี้ จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง และ ใช้ต้นทุนของหุ้นกู้ใหม่มาทดแทนหุ้นกู้ที่จะครบอายุใน 2H68-1H69 เราคิดว่าต้นทุนการระดมเงินของ TIDLOR จะต่ำกว่าสมมติฐานปี 2568F/2569F ของเราที่ 3.2%/2.6% ทั้งนี้ TRIS ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของ TIDLOR เป็น A+ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2568
ซึ่งจากความคาดหมายเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานใน 3Q68F และ ความคาดหมายว่ากำไรในงวด 9M68F จะคิดเป็นประมาณ 82% ของประมาณการกำไรเต็มปี เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2568F/2569F ขึ้นอีก 4%/5% เพื่อสะท้อนถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลงมาอยู่ที่ 1.15 หมื่นล้านบาท/1.24 หมื่นล้านบาทในปี 2568F/2569F (จากเดิม 1.17 หมื่นล้านบาท/1.27 หมื่นล้านบาท) ในขณะเดียวกัน เรายังคงประมาณการอัตราการขยายตัวของสินเชื่อปี 2568F/2569F ที่ 5%/7%, ต้นทุนการระดมเงินที่ 3.2%/2.6% และ credit cost ที่ 2.8%/2.8% ทั้งนี้ เมื่อใช้ PE ที่ 12.5x ทำให้เราได้ราคาเป้าหมายปี 2569F ใหม่ที่ 24.2 บาท (จาก 22.7 บาท) ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำซื้อ
สำหรับการออกหุ้นกู้ของ TIDLOR บริษัทระบุว่า ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเป็นจำนวนมาก มียอดจองซื้อเต็มครบตามเป้าหมายภายในระยะเวลาอันสั้น สะท้อนถึงความมั่นใจในเสถียรภาพทางการเงิน และศักยภาพการเติบโตอย่างมีคุณภาพและต่อเนื่อง
โดยหุ้นกู้ที่เสนอขายดังกล่าว เป็นหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ โดยมี บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ค้ำประกัน เสนอขายต่อผู้ลงทุนทั่วไป โดยเปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 28-30 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 6 ราย ทั้งนี้ บริษัทฯ สามารถระดมทุนได้ครบตามเป้าหมาย มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท
สำหรับวัตถุประสงค์การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อนำเงินที่ได้ไปชำระคืนตราสารหนี้เดิมของบริษัทย่อยในกลุ่มที่กำลังจะครบกำหนดไถ่ถอน (Refinance) ซึ่งการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของ TIDLOR หลังปรับโครงสร้างธุรกิจเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สะท้อนถึงความมั่นใจในศักยภาพและการดำเนินงานได้ตามแผนที่วางไว้ พร้อมกันนี้ บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปบริหารธุรกิจให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน โดยยังคงรักษาวินัยทางด้านการเงินอย่างเข้มงวดและระมัดระวัง
ทั้งนี้ หุ้นกู้ TIDLOR ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ "A+" แนวโน้มอันดับเครดิต "คงที่" จาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ซึ่งอยู่ในระดับ Investment Grade สะท้อนถึงความแข็งแกร่งจากการเป็นบริษัทที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และสถานะฐานทุนที่แข็งแรง