จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : I2 พร้อมรับนโยบาย Quick Win นำเทคโนโลยีแก้ปัญหาเร่งด่วน ตั้งเป้ารายได้ปี 68 เติบโต 10-15%
28 ตุลาคม 2568
นโยบายขับเคลื่อนภารกิจที่สำคัญเร่งด่วน ตามแนวทาง "Quick Win" ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) มีด้วยกัน 5 ด้าน ซึ่ง นายไชยชนก ชิดชอบ รมว. ดีอี ระบุว่า ทั้ง 5 ด้าน มีเป้าหมายหลักในการแก้ไขปัญหา และลดผลกระทบจาก 1. ภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2. ภัยความมั่นคง 3. ภัยเศรษฐกิจ 4. ภัยสังคม และ 5. การบริหารภาครัฐ

ด้านภัยธรรมชาติ กระทรวงฯขอให้หน่วยงานร่วมบูรณาการการใช้งานข้อมูลด้านอุตุนิยมวิทยา หรือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม ทั้งภายในประเทศ และระหว่างประเทศ เพื่อพัฒนาและออกแบบแผนงานการนำข้อมูลไปใช้งานด้านการรับมือภัยธรรมชาติ ให้มีความแม่นยำและสอดคล้องกับสถานการณ์มากยิ่งขึ้น
เน้นให้ความสำคัญเรื่องการใช้เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย การลดความสูญเสีย และเยียวยาความเสียหายของประชาชนที่ได้รับจากภัยพิบัติต่าง ๆ รวมถึงการใช้ข้อมูลอุตุนิยมวิทยาและดาวเทียม เพื่อวางแผนในการเตือนภัยพิบัติอย่างละเอียด และแม่นยำมากขึ้น พร้อมกับส่งเสริมเพิ่มเติมทางการสื่อสารในการแจ้งเตือนภัยพิบัติให้เข้าถึงประชาชนในทุกระดับ รวมทั้งติดตามเฝ้าระวัง และเตรียมความพร้อมรับมือความเสียหายของโครงข่ายการสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชน และเร่งรัดแก้ไขในทันที
2. ภัยความมั่นคง เร่งรัดให้มีการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจด้านการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลให้กับประชาชน โดยยกระดับความสำคัญเรื่องการสร้างความตระหนักรู้เท่าทันภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้เป็นเรื่องฉุกเฉินเร่งด่วน พร้อมกับบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ด้วยการนำเทคโนโลยีและข้อมูลที่มีในหน่วยงานของกระทรวงดีอีมาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ขอให้หน่วยงานได้จัดทำแนวทางการใช้เทคโนโลยี เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ช่วยลดความตึงเครียด และช่วยป้องกันการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของทหาร และประชาชน และสนับสนุนเทคโนโลยีโดยการบูรณาการร่วมกับภาคเอกชน เช่น เทคโนโลยีโดรน เป็นต้น
รวมทั้งการบูรณาการความร่วมมือกับฝ่ายความมั่นคง และภาคเอกชนด้านโทรคมนาคม (Operator) เกี่ยวกับสัญญาณสื่อสารตามแนวชายแดนทั้งหมด ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนฝ่ายความมั่นคงอย่างเต็มรูปแบบ
3.ภัยเศรษฐกิจ จากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจของประเทศไทย ในสถานการณ์ที่ไม่อาจคาดการณ์และประเมินได้ ดังนั้นกระทรวงดีอี โดยหน่วยงานในสังกัด จะต้องเป็นผู้นำในการส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการดิจิทัล เพื่อช่วยลดผลกระทบจากเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นได้
ขณะเดียวกัน กระทรวงดีอี พร้อมสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการผูกขาดของแพลตฟอร์มรายใหญ่ โดยจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาการกำหนดมาตรการกำกับดูแลการแข่งขันที่เป็นธรรม พร้อมทั้งส่งเสริมแนวทางการสร้างความสมดุลระหว่างผู้ประกอบการแพลตฟอร์ม และประชาชน ทั้งที่เป็นผู้บริโภค และผู้ให้บริการในแพลตฟอร์ม รวมถึงการให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัย
4.ภัยทางสังคม สนับสนุนการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน อินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ข้อมูลและบริการต่าง ๆ โดยเฉพาะ AI ที่เป็นเทคโนโลยีสำคัญพื้นฐานในปัจจุบัน สร้างความตระหนัก รู้และเข้าใจในการใช้ AI อย่างถูกต้องและปลอดภัย (AI Literacy) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มความเข้าใจ และสร้างสังคมดิจิทัลที่ทุกคนมีส่วนร่วมได้จริงอย่างปลอดภัย และสร้างสรรค์
สำหรับกรณีของภัยทางสังคมนั้น หลังจากมีแผนรับมือกับภัยทางธรรมชาติ และภัยความมั่นคงแล้ว สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขภัยทางสังคมได้ในแนวทางเดียวกัน พร้อมทั้งการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้เทคโนโลยี เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ด้านการยกระดับมาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมออนไลน์ จะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน กำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามเชิงรุก กับอาชาญกรรมทางเทคโนโลยีเพิ่มเติม เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดความเสียหาย ต่อทั้งบุคคล และระบบเศรษฐกิจโดยรวม ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นโยบายตามแนวทาง "Quick Win" ดังกล่าว สนับสนุนการทำธุรกิจของ บมจ.ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ (I2) ที่ให้บริการ System Integration (SI) ครบวงจร ซึ่งได้แก่ ให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหา ติดตั้ง และจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร โทรคมนาคม และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น Infrastructure, Network, Transformation, อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านสัญญาณดาวเทียม และเทคโนโลยีด้านการประหยัดพลังงาน
ซึ่งปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% จากกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) และกลุ่มธุรกิจพลังงาน (Energy) โดยปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 750 ล้านบาท และมีแผนร่วมประมูลงานใหม่มูลค่าไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท สนับสนุนผลการดำเนินงานในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า เติบโตอย่างยั่งยืน

ด้านภัยธรรมชาติ กระทรวงฯขอให้หน่วยงานร่วมบูรณาการการใช้งานข้อมูลด้านอุตุนิยมวิทยา หรือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม ทั้งภายในประเทศ และระหว่างประเทศ เพื่อพัฒนาและออกแบบแผนงานการนำข้อมูลไปใช้งานด้านการรับมือภัยธรรมชาติ ให้มีความแม่นยำและสอดคล้องกับสถานการณ์มากยิ่งขึ้น
เน้นให้ความสำคัญเรื่องการใช้เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย การลดความสูญเสีย และเยียวยาความเสียหายของประชาชนที่ได้รับจากภัยพิบัติต่าง ๆ รวมถึงการใช้ข้อมูลอุตุนิยมวิทยาและดาวเทียม เพื่อวางแผนในการเตือนภัยพิบัติอย่างละเอียด และแม่นยำมากขึ้น พร้อมกับส่งเสริมเพิ่มเติมทางการสื่อสารในการแจ้งเตือนภัยพิบัติให้เข้าถึงประชาชนในทุกระดับ รวมทั้งติดตามเฝ้าระวัง และเตรียมความพร้อมรับมือความเสียหายของโครงข่ายการสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชน และเร่งรัดแก้ไขในทันที
2. ภัยความมั่นคง เร่งรัดให้มีการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจด้านการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลให้กับประชาชน โดยยกระดับความสำคัญเรื่องการสร้างความตระหนักรู้เท่าทันภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้เป็นเรื่องฉุกเฉินเร่งด่วน พร้อมกับบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ด้วยการนำเทคโนโลยีและข้อมูลที่มีในหน่วยงานของกระทรวงดีอีมาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ขอให้หน่วยงานได้จัดทำแนวทางการใช้เทคโนโลยี เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ช่วยลดความตึงเครียด และช่วยป้องกันการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของทหาร และประชาชน และสนับสนุนเทคโนโลยีโดยการบูรณาการร่วมกับภาคเอกชน เช่น เทคโนโลยีโดรน เป็นต้น
รวมทั้งการบูรณาการความร่วมมือกับฝ่ายความมั่นคง และภาคเอกชนด้านโทรคมนาคม (Operator) เกี่ยวกับสัญญาณสื่อสารตามแนวชายแดนทั้งหมด ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนฝ่ายความมั่นคงอย่างเต็มรูปแบบ
3.ภัยเศรษฐกิจ จากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจของประเทศไทย ในสถานการณ์ที่ไม่อาจคาดการณ์และประเมินได้ ดังนั้นกระทรวงดีอี โดยหน่วยงานในสังกัด จะต้องเป็นผู้นำในการส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการดิจิทัล เพื่อช่วยลดผลกระทบจากเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นได้
ขณะเดียวกัน กระทรวงดีอี พร้อมสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการผูกขาดของแพลตฟอร์มรายใหญ่ โดยจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาการกำหนดมาตรการกำกับดูแลการแข่งขันที่เป็นธรรม พร้อมทั้งส่งเสริมแนวทางการสร้างความสมดุลระหว่างผู้ประกอบการแพลตฟอร์ม และประชาชน ทั้งที่เป็นผู้บริโภค และผู้ให้บริการในแพลตฟอร์ม รวมถึงการให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัย
4.ภัยทางสังคม สนับสนุนการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน อินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ข้อมูลและบริการต่าง ๆ โดยเฉพาะ AI ที่เป็นเทคโนโลยีสำคัญพื้นฐานในปัจจุบัน สร้างความตระหนัก รู้และเข้าใจในการใช้ AI อย่างถูกต้องและปลอดภัย (AI Literacy) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มความเข้าใจ และสร้างสังคมดิจิทัลที่ทุกคนมีส่วนร่วมได้จริงอย่างปลอดภัย และสร้างสรรค์
สำหรับกรณีของภัยทางสังคมนั้น หลังจากมีแผนรับมือกับภัยทางธรรมชาติ และภัยความมั่นคงแล้ว สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขภัยทางสังคมได้ในแนวทางเดียวกัน พร้อมทั้งการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้เทคโนโลยี เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ด้านการยกระดับมาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมออนไลน์ จะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน กำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามเชิงรุก กับอาชาญกรรมทางเทคโนโลยีเพิ่มเติม เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดความเสียหาย ต่อทั้งบุคคล และระบบเศรษฐกิจโดยรวม ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นโยบายตามแนวทาง "Quick Win" ดังกล่าว สนับสนุนการทำธุรกิจของ บมจ.ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ (I2) ที่ให้บริการ System Integration (SI) ครบวงจร ซึ่งได้แก่ ให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหา ติดตั้ง และจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร โทรคมนาคม และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น Infrastructure, Network, Transformation, อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านสัญญาณดาวเทียม และเทคโนโลยีด้านการประหยัดพลังงาน
ซึ่งปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% จากกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) และกลุ่มธุรกิจพลังงาน (Energy) โดยปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 750 ล้านบาท และมีแผนร่วมประมูลงานใหม่มูลค่าไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท สนับสนุนผลการดำเนินงานในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า เติบโตอย่างยั่งยืน