รายงานพิเศษ : TEGH ผนึก “กยท.”หนุนตลาดยางพารา สร้างเสถียรภาพราคายางในระยะยาว ดันไทยขึ้นศูนย์กลางอุตฯยางภูมิภาค
บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) เดินหน้าเสริมศักยภาพธุรกิจยางพาราเต็มสูบ จับมือ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ร่วมบริหารจัดการผลผลิตยางพาราอย่างเป็นระบบ สร้างเสถียรภาพราคายางในระยะยาว ดันไทยสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมยางในภูมิภาค ด้านผู้บริหารมั่นใจแนวโน้มครึ่งปีหลังผลงานสดใส ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ “ทำสถิติสูงสุดใหม่” โบรกฯ ประสานเสียงแนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 4.9–5.0 บาท

TEGH–กยท. ผนึกกำลังบริหารจัดการยางพารา
นายเกริกกุล โภกนุทาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ สายธุรกิจยางพาราและปาล์มน้ำมัน บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (TEGH) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เพื่อร่วมกันบริหารจัดการผลผลิตยางพาราให้มีความสมดุลกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ
ภายใต้ความร่วมมือนี้ กยท.จะรวบรวมผลผลิตไม่น้อยกว่า 5,000 ตันต่อเดือน จากตลาดกลางและเครือข่ายทั่วประเทศพร้อมตรวจสอบแหล่งผลิตและประเมินความเสี่ยงตามมาตรฐาน EUDR (EU Deforestation Regulation) เพื่อสร้างความโปร่งใส ขณะที่ TEGH รับหน้าที่ผลิตและจัดจำหน่ายยางตามมาตรฐาน พร้อมเป็นกลไกสำคัญในการสร้างรายได้ที่มั่นคงให้เกษตรกรชาวสวนยาง
“ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ TEGH ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก และสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมยางไทยให้แข่งขันได้ในระดับโลกอย่างยั่งยืน” นายเกริกกุลกล่าว
มั่นใจรายได้ปี 68 All Time High
นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ TEGH เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งหลังปี 2568 มีทิศทางเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยรายได้ปีนี้คาดว่าจะทำ “สถิติสูงสุดใหม่” (All Time High) จากยอดขายยางแท่งที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยางแท่งที่ผ่านมาตรฐาน EUDR ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการสูงในตลาดโลก ส่วนธุรกิจปาล์มน้ำมันพลิกฟื้น (Turnaround) ตามฤดูกาล
ส่งยานลูก TEBP เข้าตลาด mai
ขณะที่ธุรกิจพลังงานทดแทน เติบโตโดดเด่นต่อเนื่อง จากการขยายกำลังการผลิต และเตรียมนำบริษัทย่อย ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ (TEBP) เข้าระดมทุนในตลาด mai เพื่อรองรับเมกะเทรนด์ “พลังงานสีเขียว” ภายใต้วิสัยทัศน์ Leading Green Energy Revolution : Pioneering the Net Zero Solution
ครึ่งแรกปี 68 กำไรพุ่ง 135.9%
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2568) กลุ่มบริษัทฯมีรายได้รวม 5,401.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,263.6 ล้านบาท หรือ 72.1% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 3,137.9 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 211.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110.7 ล้านบาท หรือ 109.8% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 100.8 ล้านบาท
ในงวดหกเดือนแรกปี 2568 มีรายได้รวม 11,068.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,229.2 ล้านบาท หรือ 61.8% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 6,839.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 387.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 223.3 ล้านบาท หรือ 135.9% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 164.2 ล้านบาท
โบรกฯ ประเมินพื้นฐานแข็ง–กำไรปีนี้พุ่ง
บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า TEGH รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ที่ 211 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110% YoY และ 20% QoQ สูงกว่าคาด จากการฟื้นตัวของธุรกิจปาล์มน้ำมันและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม พร้อมประเมินแนวโน้มกำไรทั้งปี เติบโตดีต่อเนื่อง แม้ไตรมาส 3/2568 อาจอ่อนตัวจากฤดูกาล แต่ภาพรวมยังเป็นขาขึ้น คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.90 บาท
ด้าน บล.หยวนต้า ให้มุมมองสอดคล้อง โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.00 บาท พร้อมระบุว่า ไตรมาส 3/2568 อาจชะลอจากราคายางโลก แต่จะฟื้นแรงในไตรมาส 4/2568 จากออเดอร์ยาง EUDR และการเริ่มรับรู้รายได้จากลูกค้า Biogas รายใหม่ในธุรกิจพลังงาน
ESG เด่นระดับ AAA – ยืนหนึ่งธุรกิจยั่งยืน
นอกจากนี้ TEGH ยังได้รับ SET ESG Ratings ระดับ AAA สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจตามหลัก Environment, Social และ Governance (ESG) อย่างครบวงจร ตั้งแต่การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐาน ISO 14001:2015, การสร้างงานและพัฒนาชุมชนท้องถิ่น, จนถึงการกำกับดูแลกิจการที่โปร่งใส