รายงานพิเศษ : SUPER ผลงานแกร่งรัฐบาลหนุน ผลิตพลังงานหมุนเวียนในประเทศ มุ่งสู่เป้าหมายปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ในปี 2050
กระแสการใช้พลังงานสะอาด กระตุ้นการผลิตไฟฟ้าในประเทศ โดยรัฐบาลมีเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ (Net zero) ในปี2593(2050) ซึ่งสนับสนุนผลงาน บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) ที่บริษัทมีความพร้อมในการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทุกรูปแบบ
SCB EIC ระบุ ธุรกิจโรงไฟฟ้าปี 2569 กลุ่มพลังงานหมุนเวียนเติบโตเด่น โดยการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนโดยรวมในไทยในปี2569 และในช่วงปี2570-2572 มีแนวโน้มขยายตัว จากแผนติดตั้งโรงไฟฟ้าเพื่อผลิตเข้าระบบไฟฟ้าตามสัญญาในปี2569 รวม 1,103 MW ซึ่งคิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 52,000 ล้านบาท ส่วนในระยะกลาง ปี2570-2573มีแผนผลิตไฟฟ้าตามสัญญาที่จะผลิตราว1,200-1,600 MWต่อปี ซึ่งคิดเป็นมูลค่าการลงทุนราว 43,000-56,000 ล้านบาทต่อปี โดยเฉพาะจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมจากรอบการรับซื้อBig lot1ที่5.2 GWและlot2ที่2.1 GW
โดยปัจจัยที่ต้องพิจารณาและติดตามที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน อาทิ การรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนใหม่และการจัดทำแผนPDPฉบับใหม่ รวมถึงนโยบายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ส่งผลต่อภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ อาทิ การส่งเสริมโซลาร์รูฟท็อป,Private PPA, Third party access(TPA) และDirect PPA สำหรับData centerและไฟฟ้าสะอาดสำหรับธุรกิจอื่น ๆ ที่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องกำหนดการของภาครัฐที่จะเปิดให้ใช้ไฟฟ้าสะอาดผ่าน Direct PPAรวมถึงขั้นตอนการสมัคร
นัยต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า 3ประการ ที่จะสอดรับไปกับการเติบโตของอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและรับมือกับความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ได้แก่
1) ส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันโดยลดต้นทุนโครงการและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า เพื่อเตรียมพร้อมนโยบายการปรับลดราคารับซื้อจากภาครัฐในอนาคตอาทิ การขยายความร่วมมือกับTechnology provider สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานลม และระบบกักเก็บพลังงาน
2) พัฒนาโครงการหรือมีส่วนร่วมในการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมแห่งอนาคตเช่น ไฟฟ้าสำหรับAI & Cloud Data centerและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
3) ขยายโอกาสทางธุรกิจการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่สามารถรองรับThird Party Assessment(TPA) และDirect PPAได้ในอนาคตโดยเตรียมความพร้อมเรื่องการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าใหม่เพื่อให้สามารถเริ่มผลิตไฟฟ้าได้ทันทีหลังจากมีการอนุญาตTPAและDirect PPA
ส่วนบทบาทภาครัฐอย่างน้อย 3 ประการ ที่จะช่วยสนับสนุนให้เกิดการใช้ไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ (Net zero) ในปี2593(2050)ได้แก่
1) เร่งอนุญาตThird Party Assessment(TPA) และDirect PPAสำหรับธุรกิจทุกประเภทที่ต้องการใช้ไฟฟ้าสะอาด แบบค่อยเป็นค่อยไปในระยะแรกเช่น เริ่มจากผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมซึ่งเป็นขอบเขตที่สามารถบริหารจัดการได้ เป็นต้น
2) จัดทำแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP) ให้สอดคล้องกับความต้องการไฟฟ้าในประเทศและพัฒนาการด้านเทคโนโลยี ตลอดจนเป้าหมายNet zero 2593(2050) ของประเทศ
3) เร่งส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าใช้เองในภาคอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัยให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้เช่น เร่งประกาศราชกิจจาฯ ลดภาษี200,000บาทสำหรับส่งสริมการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป และเร่งจัดทำระบบOne-stop serviceสำหรับการขออนุญาตติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในภาคอุตสาหกรรม
นโยบายสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด สนับสนุนธุรกิจ บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) โดยนายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุถึง ทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปี 2568 โดยเชื่อว่ายังมีแนวโน้มสดใสต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วง High seasons ของการผลิตไฟฟ้า ทั้งปริมาณกระแสลม และแสงอาทิตย์ ส่งผลให้ปริมาณการผลิตกระแสไฟฟ้าสูงขึ้น
รวมถึงจะมีการรับรู้รายการทางบัญชีจากการขายเงินลงทุนในบริษัท เดซี่ โซล่าร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ให้กับพันธมิตร บริษัท เลวันตา รีนิวเอเบิลส์ (ประเทศไทย) (LEVANTA) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Actis Energy Fund 5 กองทุนพลังงานในประเทศอังกฤษ ที่จะเข้ามาประมาณไตรมาส 3/2568
นอกจากนี้บริษัทยังเตรียม COD โรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 129 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โครงการ Soc Trang และโครงการ Bec Lieu ที่จะทยอย COD ในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโต
"บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นขยายการลงทุนโรงไฟฟ้า พร้อมกับการหาพันธมิตรใหม่ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจและเป็นการเพิ่มรายได้ที่แข็งแกร่ง ซึ่งการมีพันธมิตรทางธุรกิจ การขายโรงไฟฟ้าบางส่วน เป็นไปตามตามกลยุทธ์ในการลดภาระดอกเบี้ย และมีเงินใช้ในการขยายธุรกิจโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ ในอนาคต รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าที่ได้รับคัดเลือกจาก คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ระหว่างปี 2569 -2572 อีกด้วย โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ากำลังการผลิตรวมแตะระดับ 2,200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2570" นายจอมทรัพย์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ SUPER มีความพร้อมในการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทุกรูปแบบ โดยบริษัทฯ มีกำลังการผลิตตามปริมาณเสนอขายตาม PPA ที่ 2,169.39 เมกะวัตต์ โดยจากปัจจุบันอยู่ที่ 1,486.71 เมกะวัตต์ และในปี 2568 ตั้งเป้าหมายมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 1,615.71 เมกะวัตต์ ซึ่งรวมกับโครงการวินด์ฟาร์มในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 129 เมกะวัตต์ ที่คาดว่าจะทยอยขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในปีนี้ถึงปีหน้า