รายงานพิเศษ : SPREME ขยายฐานรายได้ประจำ คว้างานสัญญาเช่าระบบเทคโนโลยี ตั้งเป้า 3 ปีขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน IT
บมจ.สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (SPREME) ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำธุรกิจ System Integrator (SI) ที่ครอบคลุมครบวงจร ทั้งการออกแบบ จัดหา ติดตั้ง บำรุงรักษา และให้บริการเช่าอุปกรณ์ด้าน IT หลังคว้างานสัญญาเช่าระบบเทคโนโลยีสารสนเทศจากหน่วยงานภาครัฐรวมมูลค่า 833.79 ล้านบาท เสริมพอร์ตธุรกิจเชิงรุก
นายภานุวัฒน์ ขันธโมลีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SPREME ให้ความเห็นว่า การลงนามในสัญญาใหม่ทั้ง 2 โครงการ ถือเป็นจุดเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์ในการขยายโมเดลธุรกิจของ SPREME จากผู้จำหน่ายและติดตั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ไปสู่การเป็นผู้ให้บริการเช่าและบริหารจัดการระบบ IT แบบครบวงจร ซึ่งช่วยสร้างรายได้ต่อเนื่องและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับโครงสร้างธุรกิจ
โดยสัญญาแรกคือ สัญญาเช่าอุปกรณ์ Handheld กับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ภายใต้กิจการร่วมค้า “SPAC” (ร่วมกับ บริษัท อะเคเซีย ไอ.ที.เซอร์วิสเชส (ประเทศไทย) จำกัด) มูลค่า 417 ล้านบาท มีระยะเวลาเช่า 5 ปี ครอบคลุมอุปกรณ์จำนวน 23,480 เครื่อง เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการและระบบจัดการข้อมูลภายในของไปรษณีย์ไทย
ส่วนสัญญาที่สองคือ โครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพา เพื่อพัฒนานักเรียนกรุงเทพมหานครในยุคดิจิทัล กับสำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร มูลค่า 416.8 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี ครอบคลุมทั้ง ฮาร์ดแวร์–ซอฟต์แวร์–ระบบเครือข่าย–บริการบำรุงรักษา เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะดิจิทัลของนักเรียนในสังกัด กทม.
กลยุทธ์การเติบโตระยะกลาง–ยาว
นายภานุวัฒน์ กล่าวว่า การได้งานใหญ่จากภาครัฐในครั้งนี้ไม่เพียงช่วยเสริมรายได้ในระยะสั้น แต่ยังเป็นตัวเร่งเชิงกลยุทธ์ในการขยายฐานรายได้ประจำ (Recurring Income) ของบริษัทฯในระยะยาว ส่งผลให้งานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) เพิ่มเป็น 2,200 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 3–5 ปีข้างหน้า
“SPREME มุ่งพัฒนาโมเดลธุรกิจให้มีสัดส่วนรายได้ประจำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเงินและกระแสเงินสดในระยะยาว โดยเฉพาะงานด้านบริการเช่า บำรุงรักษา และระบบบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจร ซึ่งเป็นเทรนด์ที่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้ความสำคัญมากขึ้น” นายภานุวัฒน์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯเตรียมปรับโครงสร้างการบริหารงานภายในเพื่อรองรับการขยายตัวของพอร์ตโครงการขนาดใหญ่ ทั้งในส่วนของการพัฒนาทีมเทคนิค การลงทุนในระบบบริหารจัดการหลังการขาย และการเพิ่มศักยภาพการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการ
ไตรมาส 2/68 รายได้พุ่ง 61%
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 บริษัทมีรายได้รวม 252.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.21% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 30.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.61% โดยการเติบโตมาจากโครงการสำคัญในภาครัฐ เช่น โครงการพัฒนาระบบคลังสินค้า และระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านสารสนเทศเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูล
ปัจจุบัน SPREME มีมูลค่างานในมือที่พร้อมทยอยรับรู้รายได้ในปี 2568 กว่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นฐานสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของรายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง และบริษัทคาดว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตของรายได้ทั้งปีไว้ในกรอบ 10–15% จากปีก่อนหน้า
ในเชิงกลยุทธ์ บริษัทจะมุ่งขยายตลาดในกลุ่ม หน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการเทคโนโลยีระดับองค์กรสูงและมีแนวโน้มใช้งานระบบเช่า (Leasing Model) มากขึ้น รวมถึงเตรียมต่อยอดสู่ภาคเอกชนในธุรกิจที่มีลักษณะการใช้ระบบ IT ระยะยาว เช่น การเงิน โลจิสติกส์ และสาธารณสุข
มุ่งรักษาอัตรากำไรขั้นต้น 20–25%
SPREME ยังคงเน้นการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับ 20–25% ผ่านการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากงานบริการ (Service Income) ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่างานจำหน่ายอุปกรณ์ทั่วไป พร้อมทั้งเดินหน้าพัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตรเทคโนโลยีชั้นนำ เพื่อขยายขอบเขตบริการและลดต้นทุนการจัดหาอุปกรณ์
วิสัยทัศน์สู่ “ผู้นำด้านโซลูชัน IT ภาครัฐ”
นายภานุวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯวางเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ในอีก 3 ปีข้างหน้าให้ SPREME ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน โซลูชัน IT สำหรับภาครัฐและองค์กรขนาดใหญ่ ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานบริการให้เช่าและดูแลระบบครบวงจร เพื่อสร้าง “ระบบนิเวศดิจิทัลของรัฐ” (Government Digital Ecosystem) ที่มีความยืดหยุ่น ปลอดภัย และทันสมัย
“เรามองว่าโมเดลธุรกิจบริการเช่าระยะยาวเป็นแนวทางที่ตอบโจทย์การพัฒนาเทคโนโลยีของภาครัฐในยุคดิจิทัล ซึ่งจะช่วยให้ SPREME มีรายได้มั่นคงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ” นายภานุวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย