เจพีมอร์แกนชี้ “ทองคำ” มีสิทธิ์แตะ 10,000 เหรียญ จีนเร่งตุนไม่หยุด สูงสุดในรอบ 15 ปี สัญญาณขาขึ้นยาว สะท้อนยุทธศาสตร์หนีดอลลาร์
Mr.Data
โลกกำลังอยู่ใน “ยุคเปลี่ยนสมดุลการเงิน” เมื่อจีนเร่งสะสมทองคำมหาศาลในรอบกว่า 15 ปี ธนาคารกลางทั่วโลกถือทองมากกว่าพันธบัตรสหรัฐเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2539 ขณะที่นักวิเคราะห์ยักษ์ใหญ่อย่าง “แบงก์ออฟอเมริกา” และ “เจพีมอร์แกน” ต่างชี้ว่า ราคาทองคำอาจพุ่งทะลุระดับ 5,000–10,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายใต้กระแสหนีดอลลาร์และยุคดอกเบี้ยขาลง
ราคาทองคำทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไม่เลิก นักลงทุนแห่ถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน และภาวะชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลของอเมริกา โดยราคาทองคำโคเม็กซ์ในช่วงสุดสัปดาห์ทะยานเหนือ 4,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นกว่า 58%
จีนเร่งสต็อกทองคำแบบก้าวกระโดด
ข้อมูลจาก Shanghai Gold Exchange และ Bloomberg ชี้ว่า “ระดับสต็อกทองคำของจีน” เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดในช่วงปี 2566–2568 แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 15 ปี หลังรัฐบาลปักกิ่งเร่งสะสมทองคำทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเสริมความมั่นคงทางการเงินและลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
Ausiris มองว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจเป็นสัญญาณสำคัญต่อทิศทางราคาทองคำโลก เนื่องจากจีนถือเป็นหนึ่งในผู้บริโภคและผู้นำเข้าทองรายใหญ่ที่สุดของโลก การเร่งสะสมทองอาจหนุนราคาทองให้ทะยานต่อเนื่องในระยะกลางถึงยาว
ใช้ทองคำสร้างอำนาจใหม่ระบบการเงิน
Standard Chartered ระบุว่า “จีนกำลังใช้ทองคำเป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อสร้างอำนาจใหม่ในระบบการเงินโลก” — สะท้อนว่าการถือทองวันนี้ อาจไม่ใช่แค่เรื่องการลงทน แต่เป็น “เกมระหว่างประเทศ” ที่กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ถือทองมากกว่าบอนด์สหรัฐในรอบ30ปี
ธนาคารกลางทั่วโลก “ถือทองคำ” มากกว่าพันธบัตรสหรัฐ ครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปีเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2539 ที่ ธนาคารกลางทั่วโลกถือทองคำในทุนสำรองมากกว่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
สะท้อนการ “ปรับสมดุลเศรษฐกิจโลก” (Global Rebalancing) ท่ามกลางดอกเบี้ยขาลง ความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ และความตึงเครียดทางการค้า
รัสเซีย-อินเดีย-จีน ลดพึ่งดอลลาร์
รัสเซีย อินเดีย และจีน เป็นกลุ่มประเทศหลักที่เร่งสะสมทองคำ เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์
แม้สหรัฐยังเป็นผู้ถือครองทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก แต่แนวโน้มใหม่กำลังบ่งชี้ว่า “ทองคำ” กำลังกลับมาเป็นสินทรัพย์หลักในทุนสำรองระหว่างประเทศ
แบงก์ออฟอเมริกาคาดปี 69 ทองพุ่งแตะ$5,000
แบงก์ออฟอเมริกา ชี้ว่า ราคา “ทองคำ” น่าจะพุ่งแตะ 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ 4,400 ดอลลาร์ ส่วนราคา “เงิน” น่าจะแตะ 65 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 56.25 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงที่จะเกิดการปรับฐานในระยะสั้น แต่ยังคงมีแนวโน้มที่ราคาโลหะมีค่าทั้ง 2 ประเภทจะขยับสูงขึ้นในปี 2569
นโยบายที่คาดการณ์ไม่ได้ของทำเนียบขาวน่าจะยังคงสนับสนุนราคาทองคำ เนื่องจากการขาดดุลงบประมาณ หนี้สินที่เพิ่มขึ้น ความตั้งใจที่จะลดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและการเคลื่อนย้ายเงินทุน รวมถึงการผลักดันให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ประมาณ 3%
แบงก์ออฟอเมริกา ระบุด้วยว่า ราคาทองคำอาจจะพุ่งขึ้นไปถึง 6,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากนักลงทุนเพิ่มปริมาณการซื้อขายขึ้นอีก 28%
เจพีมอร์แกน มองทองอาจไปถึง$10,000
เจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคาร เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค กล่าวว่า เขามองเห็นความสมเหตุสมผลในการถือครองทองคำในพอร์ตการลงทุน แม้ว่าจะปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นว่าราคาทองคำสูงเกินจริงแล้วหรือไม่ หลังจากที่ราคาทองคำได้พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงจนทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
"ราคาอาจพุ่งไปถึง 5,000 ดอลลาร์ หรือ 10,000 ดอลลาร์ ได้อย่างง่ายดายในสภาพแวดล้อมแบบนี้ นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งในชีวิตของผมที่การมีทองคำอยู่ในพอร์ตการลงทุนเป็นเรื่องที่ สมเหตุสมผล" ไดมอนกล่าว
สมาคมค้าทองคำอัพเป้าปี 68 $4500
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำยังคงทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยสมาคมฯ ได้ประกาศปรับเป้าหมายราคาทองคำสิ้นปี 2568 ขึ้นเป็น 4,500 ดอลลาร์ หรือเทียบเท่าราคาทองไทยที่ 68,000–69,000 บาท จากปัจจัยหนุนเรื่องเฟดลดดอกเบี้ยและความไม่แน่นอนในสหรัฐ นายกสมาคมค้าทองคำยืนยันว่ายังไม่ใช่ภาวะฟองสบู่ แต่เป็นการขึ้นจากกระแสที่แรงมาก