จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : SPREME ไม่ทำให้ผิดหวัง โชว์แกร่งคว้า 2 สัญญาเช่า สะท้อนความแข็งแกร่งย้ำความเชื่อมั่น


15 ตุลาคม 2568

บมจ.สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (SPREME) คว้าสัญญาเช่า Handheld ไปรษณีย์ไทย-คอมพ์นักเรียน กทม.รวม 833 ลบ.สะท้อนความแข็งแกร่ง หนุนรายได้ต่อเนื่องช่วง 3-5 ปี   ย้ำรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นที่ 20-25%

SPREME ไม่ทำให้ผิดหวัง_รายงานพิเศษ S2T (เว็บ)_0.jpg

การให้เช่าเป็นเครื่องมือทางธุรกิจที่ช่วยสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้กับบริษัท ซึ่งเป็นเป้าหมายหนึ่งของบมจ.สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (SPREME) เพื่อรับรู้รายได้ที่สม่ำเสมอ และมั่นคง  และเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว  ล่าสุด SPREME  ได้ลงนามในสัญญาเช่ารวม 2 สัญญา มูลค่ารวม 833,797,200 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) 

โดย นายภานุวัฒน์ ขันธโมลีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SPREME เชื่อว่า การลงนามดังกล่าว  จะช่วยตอกย้ำความเชื่อมั่นของหน่วยงานภาครัฐต่อศักยภาพของ SPREME ในการออกแบบ จัดหา ติดตั้ง และให้บริการดูแลบำรุงรักษาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ

ซึ่งสัญญาเช่าใหญ่ทั้ง 2 ฉบับ  มีรายละเอียดดังนี้ 1. สัญญาเช่าอุปกรณ์ Handheld กับ ไปรษณีย์ไทย โดย SPREME ในนาม "กิจการร่วมค้า SPAC" (ร่วมกับ บริษัท อะเคเซีย ไอ.ที.เซอร์วิสเชส (ประเทศไทย) จำกัด) ได้ลงนามสัญญาเช่าอุปกรณ์ Handheld จำนวน 23,480 เครื่อง กับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด โดยมีมูลค่าจ้างงานตามสัญญา 417,000,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สัญญาฉบับนี้มีระยะเวลาให้เช่าถึง 5 ปี (ลงนามเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568)

2. สัญญาเช่าคอมพิวเตอร์นักเรียน กทม. โดยบริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาเช่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาพร้อมอุปกรณ์ ในโครงการ "การเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับพัฒนานักเรียนกรุงเทพมหานครในยุคดิจิทัล" กับ สำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร มูลค่าสัญญา 416,797,200 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สัญญาเช่านี้ครอบคลุมทั้งฮาร์ดแวร์ (Hardware) ซอฟต์แวร์ (Software) อุปกรณ์ประมวลผลระบบคอมพิวเตอร์ โปรแกรมประยุกต์ และการให้บริการ โดยมีระยะเวลาเช่า 3 ปี (ลงนามเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2568)

“การคว้างานใหญ่ทั้งจากรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานราชการ ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของ SPREME ในการส่งมอบโซลูชั่นด้าน IT ครบวงจร ทั้งการให้เช่า การติดตั้ง และบริการบำรุงรักษา ซึ่งจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนผลการดำเนินงาน  ผลักดันให้งานในมือรอรับรู้รายได้ เพิ่มเป็น 2,200 ล้านบาท สร้างฐานรายได้ที่มั่นคงในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า”

ขณะที่ทิศทางผลการดำเนินงานในครึ่งหลังของปี 68 บริษัทฯคาดว่า  โครงการขนาดกลางที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาการจัดซื้อจัดจ้าง จะทยอยประกาศและสามารถเริ่มดำเนินการส่งมอบสินค้าพร้อมติดตั้ง และให้บริการได้ตามระยะเวลาเป้าหมาย โดยเฉพาะช่วงท้ายปีงบประมาณ 68

ในขณะที่โครงการขนาดใหญ่หรือ Mega Project ที่บริษัทฯคาดว่าจะเริ่มต้นโครงการได้ภายในปีนี้ ก็มีแนวโน้มว่าหน่วยงานภาครัฐจะเริ่มขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้าง และสามารถเริ่มดำเนินการออกแบบ จัดหาสินค้า และติดตั้งได้ตามที่คาดการณ์ไว้ โดยยังคงเป้าหมายรายได้ในปี 68 แบบระมัดระวังที่ระดับ 10-15% จากปีก่อน โดยมุ่งเน้นที่จะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 20-25%