BYD ลั่นงบปี 70 พลิกมีกำไร ดึง “บัตรคนจน” ใช้บริการรถเมล์ EV ลุยเพิ่มผู้โดยสาร 600,000 คนต่อวัน

BYD ลั่นปี 70 ผลงานพลิกมีกำไร! รับแรงหนุนจากธุรกิจรถเมล์ไฟฟ้า ธุรกิจหลักทรัพย์ เติบโตต่อเนื่อง ลุยเปิดทางให้บัตรคนจนใช้บริการรถเมล์ได้ พร้อมขยายเส้นทางให้บริการ เพิ่มจำนวนผู้โดยสาร 600,000 คนต่อวัน

นางสาว ออมสิน ศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD เปิดเผยว่า บริษัท วางเป้าหมายปี 2570 จะพลิกกลับมามีกำไร โดยจะไม่มีการตั้งสำรองแล้ว และไม่มีแผนเพิ่มทุนในอนาคต ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากผลการดำเนินงานของผลการดำเนินงานบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (TSB) และธุรกิจหลักทรัพย์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้บริษัทยืนยันว่า ปัจจุบันฐานะการเงินยังมีความแข็งแกร่ง และมีสภาพคล่องสูง โดยมีส่วนของผู้ถือหุ้นกว่า 4.9 พันล้านบาท มีอัตราส่วนเงินกองทุน (NC) ที่ 939 ล้านบาท และ อัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (Net Capital Ratio หรือ NCR) ที่ 230.4 %

“ปี 2570 จะเห็นการเทิร์นอะราวด์ โดยยืนยันว่าบริษัทจะไม่มีการตั้งสำรอง และไม่มีการเพิ่มทุนแล้ว พร้อมยืนยันปัจจุบันบริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง และมีสภาพคล่องสูง”นางสาว ออมสิน กล่าว

ด้านนางสาว กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม TSB เปิดเผยว่าผลประกอบการปี 2568 วางเป้าจะมีรายได้รวมกว่า 2,000 ล้านบาท รวมทั้งคาดว่า EBITDA จะกลับมาเป็นบวกในช่วงไตรมาส 4/68 และวางเป้าหมายใน 2-3 ปี จะพลิกมีกำไร

โดยปัจจุบันบริษัทมีรถเมล์ EV ราว 2.3 พันคัน ซึ่งมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนผู้โดยสารให้แตะ 600,000 คนต่อวันภายใน 6-12 เดือนข้างหน้า ที่ถือเป็นระดับคุ้มทุน ด้วยกลยุทธ์ "ขยายสิทธิ์ให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงได้"

อีกทั้งมีแผนเชื่อมระบบ HOP Card / App เข้ากับบัตรสวัสดิการรัฐและบัตรพนักงานภาครัฐ โดยมีแผนผลักดันให้บัตรสวัสดิการรัฐสามารถใช้บริการรถเมล์ของบริษัทได้ คาดชัดเจนภายในสิ้นปี 2568

นอกจากนี้ยังร่วมมือกับโรงเรียน มหาวิทยาลัย และชุมชนเมือง เพิ่มกลุ่มผู้ใช้ประจำ ประกอบกับใช้แต้ม Carbon Saving Point แลกสิทธิ์จากพันธมิตร เช่น 7-Eleven, Major, Villa Market และขยายเส้นทาง EV Bus & Boat ครอบคลุมย่านเศรษฐกิจและท่องเที่ยว

นาย ชัยพัชร์ นาคมณฑนาคุ้ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม BYD เปิดเผยว่า ธุรกิจหลักทรัพย์วางเป้าหมายปี 2570 จะมีรายได้ 1 พันล้านบาท พลิกมีกำไรสุทธิ และมี AUM กว่า 5 หมื่นล้านบาท โดยในปี 2568-69 บริษัทยังเดินหน้าขยายการให้บริการเพิ่มมากขึ้น มีแผนพัฒนาพนักงาน เทคโนโลยี และทีมขายเพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง