Smart Investment
ทองคำยังวิ่งต่อ! Goldman Sachs อัปเป้า 4,300 ดอลลาร์ ตุลาฯ ขาขึ้นชัด กลยุทธ์ Buy on Dip
05 ตุลาคม 2568
Mr.Data
ทองคำเดือนตุลาคม 2568 ยังอยู่ใน “ขาขึ้น” จากแรงหนุนทั้งเฟด–การเมืองสหรัฐฯ–Shutdown และค่าเงินบาทที่มีโอกาสอ่อนค่า ขณะที่ Goldman Sachs คาดราคาทองคำโลกสิ้นปี 2569 ทะลุ 4,300 ดอลลาร์ นักลงทุนควรโฟกัสกลยุทธ์สะสมเมื่อย่อตัว และทยอยทำกำไรใกล้แนวต้าน

Shining Gold Bullion ประเมินแนวโน้มราคาทองคำโลกและทองคำไทยเดือนตุลาคม 2568 ยังคงอยู่ในกรอบ "ขาขึ้น" ต่อเนื่อง แม้จะเผชิญแรงกดดันจากความเสี่ยงการเมืองสหรัฐฯ การประชุมเฟด และสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ แต่ภาพใหญ่ยังหนุนให้ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย นักลงทุนควรใช้กลยุทธ์ Buy on Dip สะสมตามแนวรับสำคัญ พร้อมติดตามค่าเงินบาทที่มีโอกาสอ่อนค่าต่อซึ่งจะช่วยดันราคาทองคำไทยสู่แนวต้านใหม่ 63,000–65,000 บาท
ภาพรวมตลาดทองคำโลก
ราคาทองคำโลกในเดือนตุลาคม 2568 ยังคงเคลื่อนไหวใน “UPTREND CHANNEL” ทั้งในระยะกลางและระยะยาว กลยุทธ์หลักที่ Shining Gold เสนอคือฝั่ง BUY ตามสัญญาณทางเทคนิค โดยมีกรอบแนวรับสำคัญอยู่ที่ 3,840 / 3,720 / 3,680 / 3,520 ดอลลาร์ ขณะที่แนวต้านสำคัญถัดไปถูกวางไว้ที่ 4,000 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังต้องจับตาบริเวณ 3,300 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดที่แรงขายอาจหนาแน่น หากราคายังสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ โอกาสที่ราคาจะเดินหน้าต่อไปยังแนวต้านหลักถือว่าสูง
ปัจจัยหนุนและกดดันตลาดโลก
นักลงทุนระยะสั้น เน้นเก็งกำไรตามกรอบเทคนิค ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวใกล้แนวรับ
นักลงทุนระยะกลาง–ยาว สามารถทยอยสะสมทองคำในกรอบ 3,600–3,800 ดอลลาร์ และรอจังหวะเบรกแนวต้านใหญ่ที่ 4,000 ดอลลาร์
การบริหารความเสี่ยง: หากราคาหลุดแนวรับสำคัญ 3,520 ดอลลาร์ ควรพิจารณาลดพอร์ตทันที
ภาพรวมค่าเงินบาท & ราคาทองคำไทย
Shining Gold ยังชี้ว่าค่าเงินบาทมีสัญญาณทางเทคนิคที่จะกลับตัวจากการแข็งค่าเป็นอ่อนค่า โดยโอกาสมากกว่า 50% หากเงินบาททะลุระดับ 32.65 บาทต่อดอลลาร์ จะเป็นสัญญาณยืนยันการกลับตัวชัดเจน ซึ่งจะช่วยหนุนราคาทองคำไทยปรับตัวสูงขึ้น
ปัจจัยพื้นฐานของเงินบาท
แนวต้านที่ต้องจับตา 60,500 / 61,500 / 63,500 / 65,000–65,500 บาท
แนวรับสำคัญ 59,000 บาท หากราคาย่อต่ำกว่านี้ ค่อยรอสะสมเพิ่ม
กลยุทธ์เหมาะสมคือ ทยอยขายทำกำไรใกล้แนวต้าน และ สะสมเมื่อราคาย่อตัว โดยกำไรต่อรอบอยู่ที่ประมาณ 700–1,000 บาท
หุ้น Zijin Gold ของจีนพุ่งแรง
อีกปัจจัยที่สะท้อนความร้อนแรงของตลาดทองคือ หุ้น Zijin Gold ของจีนที่เพิ่งเข้าจดทะเบียนในฮ่องกงและราคาพุ่งกว่า 60% ในวันแรกของการซื้อขาย IPO นี้สามารถระดมทุนได้เกือบ 25,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) นับเป็น IPO ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกปีนี้ รองจาก CATL ยักษ์ใหญ่ด้านแบตเตอรี่
Zijin Gold เป็นบริษัทลูกของ Zijin Mining ผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของจีน ซึ่งมีเหมืองกระจายทั่วโลก นักลงทุนรายใหญ่ที่เข้าร่วม IPO ได้แก่ GIC ของสิงคโปร์, Hillhouse และ BlackRock Funds ความสำเร็จของ IPO นี้สะท้อนถึงกระแสการลงทุนในทองคำที่ยังคงแรงต่อเนื่อง
สถิติทองเดือนตุลาฯขาขึ้น
Ausiris Gold เผยสถิติย้อนหลัง 10 ปี ราคาทองคำเดือนตุลาคมมีโอกาสปรับขึ้นกว่า 80% ของช่วงเวลา
สถิติย้อนหลัง 25 ปี ราคามักเร่งตัวขึ้นจากต้นเดือน และทำจุดสูงสุดปลายเดือน
ปัจจัยพื้นฐานหนุน
ความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของเฟด 0.25%
ตัวเลขเศรษฐกิจและตลาดแรงงานสหรัฐฯ หากออกมาต่ำกว่าคาด จะยิ่งกดดันดอลลาร์และหนุนทองคำ
ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และเทศกาลในอินเดีย–จีน ที่เป็นฤดูกาลซื้อทอง
กลยุทธ์สรุปสำหรับนักลงทุน
Buy on Dip / DCA ทยอยซื้อสะสมเมื่อราคาย่อตัว โดยแบ่งไม้เข้าซื้อครั้งละ 500–1,000 บาท
ตั้ง Stop Loss: แม้เป็นขาขึ้น นักลงทุนต้องมีวินัยในการตัดขาดทุน หากราคาหลุดแนวรับสำคัญ
จับตาตัวเลขเศรษฐกิจ โดยเฉพาะข้อมูลแรงงานสหรัฐฯ ต้นเดือนตุลาคม หากอ่อนแอจะยิ่งเพิ่มโอกาสทองคำพุ่งแรง
แนวรับ–แนวต้านหลัก หากยืนเหนือ 3,700 ดอลลาร์ได้ มีสิทธิ์รันต่อไปถึง 4,000 ดอลลาร์ แต่ถ้าหลุดลงมา อาจเห็นการพักฐานที่ 3,600–3,500 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจังหวะเก็บเพิ่ม
ทองคำจ่อแตะ 4,000 ดอลลาร์
Goldman Sachs ประเมินว่า ราคาทองคำยังมีโอกาสขึ้นไปได้สูงกว่าที่คาด หลังนักลงทุนรายย่อยสนใจเข้ามากระจายพอร์ตมากขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกที่สร้าง “Upside Risk” ให้ราคาเกินกว่าประมาณการ ล่าสุดคาดการณ์ทองคำอาจแตะ 4,000 ดอลลาร์ ในกลางปี 2569 และอาจสูงถึง 4,300 ดอลลาร์ ในปลายปี 2569
ปัจจุบันทองคำซื้อขายอยู่ราว 3,865 ดอลลาร์ หลังปรับขึ้นต่อเนื่อง 5 วันทำสถิติใหม่หลายครั้ง กำลังเคลื่อนไปสู่เป้าหมายถัดไปที่ 4,000 ดอลลาร์
...ในเดือนตุลาคม 2568 ตลาดทองคำยังมีโมเมนตัม "ขาขึ้น" ชัดเจน ทั้งจากสถิติย้อนหลัง ปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค และค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า กลยุทธ์สำคัญคือ ซื้อเมื่อย่อ–ขายเมื่อใกล้แนวต้าน บริหารพอร์ตอย่างมีวินัย เพื่อรับโอกาสจากรอบ "ขาขึ้น" ครั้งนี้ให้เต็มที่!!!
ทองคำเดือนตุลาคม 2568 ยังอยู่ใน “ขาขึ้น” จากแรงหนุนทั้งเฟด–การเมืองสหรัฐฯ–Shutdown และค่าเงินบาทที่มีโอกาสอ่อนค่า ขณะที่ Goldman Sachs คาดราคาทองคำโลกสิ้นปี 2569 ทะลุ 4,300 ดอลลาร์ นักลงทุนควรโฟกัสกลยุทธ์สะสมเมื่อย่อตัว และทยอยทำกำไรใกล้แนวต้าน

Shining Gold Bullion ประเมินแนวโน้มราคาทองคำโลกและทองคำไทยเดือนตุลาคม 2568 ยังคงอยู่ในกรอบ "ขาขึ้น" ต่อเนื่อง แม้จะเผชิญแรงกดดันจากความเสี่ยงการเมืองสหรัฐฯ การประชุมเฟด และสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ แต่ภาพใหญ่ยังหนุนให้ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย นักลงทุนควรใช้กลยุทธ์ Buy on Dip สะสมตามแนวรับสำคัญ พร้อมติดตามค่าเงินบาทที่มีโอกาสอ่อนค่าต่อซึ่งจะช่วยดันราคาทองคำไทยสู่แนวต้านใหม่ 63,000–65,000 บาท
ภาพรวมตลาดทองคำโลก
ราคาทองคำโลกในเดือนตุลาคม 2568 ยังคงเคลื่อนไหวใน “UPTREND CHANNEL” ทั้งในระยะกลางและระยะยาว กลยุทธ์หลักที่ Shining Gold เสนอคือฝั่ง BUY ตามสัญญาณทางเทคนิค โดยมีกรอบแนวรับสำคัญอยู่ที่ 3,840 / 3,720 / 3,680 / 3,520 ดอลลาร์ ขณะที่แนวต้านสำคัญถัดไปถูกวางไว้ที่ 4,000 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังต้องจับตาบริเวณ 3,300 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดที่แรงขายอาจหนาแน่น หากราคายังสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ โอกาสที่ราคาจะเดินหน้าต่อไปยังแนวต้านหลักถือว่าสูง
ปัจจัยหนุนและกดดันตลาดโลก
- US Government Shutdown สร้างแรงผันผวนต่อค่าเงินดอลลาร์และทองคำ
- การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เครื่องมือ CME FedWatch ชี้โอกาสสูงกว่า 94.5% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังขยายตัวแข็งแกร่ง นักลงทุนจึงรอดูสัญญาณนโยบายการเงินรอบถัดไป
- เศรษฐกิจโลก & การเมืองระหว่างประเทศ ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง การขยายบทบาทของ NATO และภูมิรัฐศาสตร์ที่ตึงเครียดยังเป็นแรงหนุนให้นักลงทุนถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
นักลงทุนระยะสั้น เน้นเก็งกำไรตามกรอบเทคนิค ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวใกล้แนวรับ
นักลงทุนระยะกลาง–ยาว สามารถทยอยสะสมทองคำในกรอบ 3,600–3,800 ดอลลาร์ และรอจังหวะเบรกแนวต้านใหญ่ที่ 4,000 ดอลลาร์
การบริหารความเสี่ยง: หากราคาหลุดแนวรับสำคัญ 3,520 ดอลลาร์ ควรพิจารณาลดพอร์ตทันที
ภาพรวมค่าเงินบาท & ราคาทองคำไทย
Shining Gold ยังชี้ว่าค่าเงินบาทมีสัญญาณทางเทคนิคที่จะกลับตัวจากการแข็งค่าเป็นอ่อนค่า โดยโอกาสมากกว่า 50% หากเงินบาททะลุระดับ 32.65 บาทต่อดอลลาร์ จะเป็นสัญญาณยืนยันการกลับตัวชัดเจน ซึ่งจะช่วยหนุนราคาทองคำไทยปรับตัวสูงขึ้น
ปัจจัยพื้นฐานของเงินบาท
- การเมืองในประเทศ หากยังไร้เสถียรภาพ จะเพิ่มแรงกดดันให้เงินบาทอ่อนค่า
- นโยบายการเงินของธปท. ผู้ว่าการธปท. ส่งสัญญาณคงดอกเบี้ย 1.5% ถึงปลายปี 2568 ทำให้เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าต่อจำกัด
- Fund Flow ต่างชาติ หากเงินทุนไหลออกจากตลาดไทยต่อเนื่อง จะเป็นแรงเสริมให้เงินบาทอ่อนค่ามากขึ้น
แนวต้านที่ต้องจับตา 60,500 / 61,500 / 63,500 / 65,000–65,500 บาท
แนวรับสำคัญ 59,000 บาท หากราคาย่อต่ำกว่านี้ ค่อยรอสะสมเพิ่ม
กลยุทธ์เหมาะสมคือ ทยอยขายทำกำไรใกล้แนวต้าน และ สะสมเมื่อราคาย่อตัว โดยกำไรต่อรอบอยู่ที่ประมาณ 700–1,000 บาท
หุ้น Zijin Gold ของจีนพุ่งแรง
อีกปัจจัยที่สะท้อนความร้อนแรงของตลาดทองคือ หุ้น Zijin Gold ของจีนที่เพิ่งเข้าจดทะเบียนในฮ่องกงและราคาพุ่งกว่า 60% ในวันแรกของการซื้อขาย IPO นี้สามารถระดมทุนได้เกือบ 25,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) นับเป็น IPO ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกปีนี้ รองจาก CATL ยักษ์ใหญ่ด้านแบตเตอรี่
Zijin Gold เป็นบริษัทลูกของ Zijin Mining ผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของจีน ซึ่งมีเหมืองกระจายทั่วโลก นักลงทุนรายใหญ่ที่เข้าร่วม IPO ได้แก่ GIC ของสิงคโปร์, Hillhouse และ BlackRock Funds ความสำเร็จของ IPO นี้สะท้อนถึงกระแสการลงทุนในทองคำที่ยังคงแรงต่อเนื่อง
สถิติทองเดือนตุลาฯขาขึ้น
Ausiris Gold เผยสถิติย้อนหลัง 10 ปี ราคาทองคำเดือนตุลาคมมีโอกาสปรับขึ้นกว่า 80% ของช่วงเวลา
สถิติย้อนหลัง 25 ปี ราคามักเร่งตัวขึ้นจากต้นเดือน และทำจุดสูงสุดปลายเดือน
ปัจจัยพื้นฐานหนุน
ความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของเฟด 0.25%
ตัวเลขเศรษฐกิจและตลาดแรงงานสหรัฐฯ หากออกมาต่ำกว่าคาด จะยิ่งกดดันดอลลาร์และหนุนทองคำ
ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และเทศกาลในอินเดีย–จีน ที่เป็นฤดูกาลซื้อทอง
กลยุทธ์สรุปสำหรับนักลงทุน
Buy on Dip / DCA ทยอยซื้อสะสมเมื่อราคาย่อตัว โดยแบ่งไม้เข้าซื้อครั้งละ 500–1,000 บาท
ตั้ง Stop Loss: แม้เป็นขาขึ้น นักลงทุนต้องมีวินัยในการตัดขาดทุน หากราคาหลุดแนวรับสำคัญ
จับตาตัวเลขเศรษฐกิจ โดยเฉพาะข้อมูลแรงงานสหรัฐฯ ต้นเดือนตุลาคม หากอ่อนแอจะยิ่งเพิ่มโอกาสทองคำพุ่งแรง
แนวรับ–แนวต้านหลัก หากยืนเหนือ 3,700 ดอลลาร์ได้ มีสิทธิ์รันต่อไปถึง 4,000 ดอลลาร์ แต่ถ้าหลุดลงมา อาจเห็นการพักฐานที่ 3,600–3,500 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจังหวะเก็บเพิ่ม
ทองคำจ่อแตะ 4,000 ดอลลาร์
Goldman Sachs ประเมินว่า ราคาทองคำยังมีโอกาสขึ้นไปได้สูงกว่าที่คาด หลังนักลงทุนรายย่อยสนใจเข้ามากระจายพอร์ตมากขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกที่สร้าง “Upside Risk” ให้ราคาเกินกว่าประมาณการ ล่าสุดคาดการณ์ทองคำอาจแตะ 4,000 ดอลลาร์ ในกลางปี 2569 และอาจสูงถึง 4,300 ดอลลาร์ ในปลายปี 2569
ปัจจุบันทองคำซื้อขายอยู่ราว 3,865 ดอลลาร์ หลังปรับขึ้นต่อเนื่อง 5 วันทำสถิติใหม่หลายครั้ง กำลังเคลื่อนไปสู่เป้าหมายถัดไปที่ 4,000 ดอลลาร์
...ในเดือนตุลาคม 2568 ตลาดทองคำยังมีโมเมนตัม "ขาขึ้น" ชัดเจน ทั้งจากสถิติย้อนหลัง ปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค และค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า กลยุทธ์สำคัญคือ ซื้อเมื่อย่อ–ขายเมื่อใกล้แนวต้าน บริหารพอร์ตอย่างมีวินัย เพื่อรับโอกาสจากรอบ "ขาขึ้น" ครั้งนี้ให้เต็มที่!!!
