Talk of The Town

“หนุ่ม กรรชัย” รวยขึ้น 12 ล้าน หลัง 88TH เข้าเทรดวันแรกสุดฮอต ราคาทะยานแรง 120%


03 ตุลาคม 2568

บริษัท 88 (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ 88TH ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามครบวงจรของไทย ภายใต้แบรนด์ "เวอร์.88"  ver.88 , "ไลโอ" LYO และ "โฮน" Hone เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันนี้เป็นวันแรก (3 ตุลาคม 2568) มีราคาเปิดการซื้อขายที่ 12 บาท เพิ่มขึ้น 120% จากราคาไอพีโอ 5.45  บาท/หุ้น

“หนุ่ม กรรชัย” รวยขึ้น 12 ล้าน_S2T (เว็บ)_0.jpg

โดยนาย ภูดิท กำเนิดพลอย หรือ “หนุ่ม กรรชัย” ได้รับการจัดสรร IPO จำนวน 1,900,000 หุ้น หรือคิดเป็น 3.19% ของการเสนอขายทั้งหมด ดังนั้นจากราคาหุ้นเปิดการซื้อขายวันที่ที่เพิ่มขึ้นระดับดังกล่าว ทำให้มูลค่าการถือครองหุ้นของ หนุ่ม กรรชัย เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 22 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12 ล้านบาท จากมูลค่า ณ ราคา ไอพีโอที่  10 ล้านบาท

สำหรับ 88TH นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด ประเมินราคาเหมาะสม 13.00 บาท คาดกำไรสุทธิ ปีนี้ อยู่ที่ 102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83.5%  และปี 2569 ที่ 137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.5% สะท้อนจากความสำเร็จของการเติบโตของยอดขายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ แถมได้แรงหนุนจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง 

ส่วนนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเป้าหมายที่ 10 บาท คาดรายได้และกำไรสุทธิเติบโต 29% และ 41% CAGR ในช่วงปี 2568-2570 จากความแข็งแกร่งของกลุ่ม Hair Care การรับรู้รายได้เต็มปีจาก LYO Herbal และการออกสินค้าใหม่ในกลุ่ม Skincare และ Cosmetics แม้จะสูงกว่าค่าเฉลี่ยของคู่แข่ง แต่สะท้อนศักยภาพการเติบโตและความแข็งแรงของแบรนด์ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแรงและแบรนด์ชั้นนำ 88TH อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการเติบโตระยะยาวในตลาดสุขภาพและและความงามของไทย  

ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จํากัด (มหาชน) ประเมินราคาเหมาะสมที่ 11.70 บาท ด้วยวิธี DCF  พร้อมการเติบโตเฉลี่ย 3 ปีที่ 40% CAGR  คาดการเติบโตของ 88TH  หลัง IPO บริษัทมีแผนนำเงินระดมทุนไปใช้ในการขยายฐานลูกค้าโดยเน้นกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ ด้วยแบรนด์ “LYO” ไปยังกลุ่มใหม่ๆเกี่ยวกับเส้นผมต่อยอดความสำเร็จจากผลิตภัณฑ์ Hair Color และ Hair Herbal ที่สร้างยอดขายของบริษัทให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาและยังเติบโตได้อย่างสม่ำเสมอให้กับบริษัทต่อไปในอนาคต

และนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ได้ประเมินมูลค่าเหมาะสมไว้ที่ 10.10 บาท คาดการณ์รายได้เติบโต CAGR 27% และกำไรสุทธิเติบโต CAGR 42% ระหว่างปี 2567-2570 โดยปัจจัยเติบโตของกำไรสุทธิหลักมาจากการขยายผลิตภัณฑ์เก่าและใหม่ รวมถึงลดค่าใช้จ่ายในการขายและจัดจำหน่าย