Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 30-09-25 (3 จุดด้อย TURBO ที่ต้องระวัง!)
Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 30-09-25 (3 จุดด้อย TURBO ที่ต้องระวัง!)
30-09-25 สวัสดี “ปีงูไฟ" ค่ะพี่น้องชาวไทยที่รัก "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยมีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***มาเอาใจช่วยและเชียร์หุ้นไอพีโอน้องใหม่ TURBO จะเข้าซื้อขายวันนี้เป็นวันแรก..มองผ่านๆ ทุกอย่างดูดีสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างการถือหุ้นที่มีทั้ง “เซียนฮงและเสี่ยนเรศ” ที่เข้ามาเป็นผู้อุ้มสม..ด้วยชื่อชั้นของทั้งสองนักลงทุนก้อสบายใจได้ระดับหนึ่ง..หันไปทางผลประกอบการรอบ 6 เดือนแรกของปีนี้กำไรโดดเด่นมากพุ่งแตะ 235.92ลบ. เพิ่มจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 61.14 ลบ.
***แต่เจ๊ติดนิดเดียวเรื่องจำนวนหุ้นที่มันค่อนข้างเยอะ (สำหรับความคิดของเจ๊นะ) TURBO มีทุนชำระแล้วหลังIPO 1,335 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) 537 ล้านหุ้น ประกอบด้วย หุ้นสามัญเพิ่มทุน 447.78 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมของ บริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด (KVISION) 89.22 ล้านหุ้น
***อีกเรื่องที่เห็นว่าเป็นจุดด้อยคือ หุ้นที่เอาออกมาขายครั้งนี้แบ่งเป็นสองส่วน..มีทั้งหุ้นใหม่และหุ้นเก่า ดังนั้นจากราคาไอพีโอที่เสนอขายที่ราคาหุ้นละ 1.50 บาท ทำให้บริษัทได้รับเงินการระดมทุนจากหุ้นใหม่เพียง 671.67 ล้านบาท โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 4,005 ล้านบาท ไซร์ใหญ่ขนาดนี้..มักน้อยเนาะ!!ระดมทุนแค่นี้พอขอธุรกิจรึคะ???
***ประเด็นต่อจากนี้คือ ในอนาคต KVISION จะขนเอาหุ้นออกมาขายอีกมั้ย!!! ไม่รู้ว่าครั้งนี้ถือเป็นช่องทาง EXIT ของผู้ถือหุ้นกลุ่มนี้หรือไม่ เพราะดูจากโครงสร้างแล้ว ตอนนี้ KVISION คือผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับสองสัดส่วน 4.98% รองจากอันดับหนึ่งคือ กลุ่มครอบครัวตั้งมิตรประชา ถือหุ้น 74.02%
***TURBO คือผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (สินเชื่อจำนำทะเบียน) สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ (สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์) ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงสินเชื่อโฉนดที่ดิน และธุรกิจนายหน้าประกันชีวิตและประกันวินาศภัย โดยใช้ชื่อทางการค้าว่า “เงินเทอร์โบ” ให้บริการผ่าน 996 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ 54 จังหวัดในภูมิภาคหลักของประเทศ
***เมื่อวานนี้ ครม.ได้แถลงนโยบายแล้ว โดยนโยบายด้านเศรษฐกิจ ทางฝั่งกูรูหุ้นได้แจกแจงให้เห็นภาพชัด โดยแยกเป็นข้อๆ คือ
1.สร้างรายได้และลดรายจ่ายให้กับประชาชนในชีวิตประจำวัน อาทิ ค่าพลังงาน ค่าน้ำดื่มสะอาด ค่าโดยสาร ค่าผ่านทาง พร้อมจัดทำโครงการคนละครึ่ง และบริหารจัดการราคาสินค้าเกษตรให้เหมาะสม บวกกลุ่มค้าปลีก สินค้าอุปโภค บริโภค ธนาคาร และเช่าซื้อ จิตวิทยาลบกลุ่มไฟฟ้า ขนส่งมวลชน ทางด่วน
2.แก้ไขปัญหาหนี้สินและเพิ่มสถาพคล่อง โดยช่วยเหลือหนี้รายบุคคลรายละไม่เกิน 1 แสนบาท และเพิ่มสถาพคล่องผู้ประกอบการ SMEs รายละไม่เกิน 1 ล้านบาทจิตวิทยาบวกต่อกลุ่มธนาคาร เช่าซื้อ
3.เพิ่มการออมของประชาชน ให้สิทธิ์ซื้อพันธบัตรรัฐบาล และพัฒนาผลิตภัณฑ์สลากเพื่อการออม
4.ฟื้นฟูความเชื่อมั่นท่องเที่ยว ออกมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวเมืองรอง และดึงดูดชาวต่างชาติระยะยาว จิตวิทยาบวกหุ้นอิงภาคบริการ ท่องเที่ยว การบิน ค้าปลีก
5.แก้ไขผลกระทบที่เกิดจากสงครามการค้าและสร้างสภาพแวดล้อมดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ช่วยยกระดับไทย จิตวิทยาบวกต่อธนาคาร ส่งออก (เกษตรฯ ชิ้นส่วนฯ) และนิคม
***นอกจากนี้ยังมีเรื่องอื่นๆ คือ ที่น่าสนใจคือ
-ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด จิตวิทยาบวกต่อโรงไฟฟ้า
-พัฒนารัฐบาลดิจิทัล จิตวิทยาบวกต่อหุ้น Infra Tech (ไฟฟ้า นิคม สื่อสาร ที่ปรึกษาดิจิทัล)
-ยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ จิตวิทยาบวกต่อนิคม
***ภายหลังการแถลงนโยบาย..จะมีการประชุม ครม. ทันที เพื่ออนุมัติการผูกพันงบกลางปี 2568 ที่เหลืออยู่ 6.3หมื่นล้านบาท หลักๆจะแบ่งใช้ เพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐฯ 2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ + งบมาตรการคนละครึ่ง พลัส 2.5 ที่มีรายละเอียดเพิ่มขึ้น และเรื่องแนวทางลดรายจ่าย+กระตุ้นท่องเที่ยว รายละเอียด คือ
1. มาตรการคนละครึ่งพลัสเริ่มมีรายละเอียดมากขึ้น คือ ให้สิทธิ์ประชาชน 33 ล้านคน ดังนี้-กลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐฯ : ได้เงิน 2,000 บาท (เติมเพิ่ม 1,700 บาท) 13ล้านคน
-กลุ่มประชาชนทั่วไป (ไม่อยู่ในระบบภาษี) คนละ 2,000 บาท 9 ล้านคน
-กลุ่มผู้ที่อยู่ในระบบภาษี ได้สูงสุดคนละ 2,400 บาท จำนวน 11 ล้านคน
-ระยะเวลาใช้จ่าย 2 เดือน โดยกลุ่มที่ได้มาตรการคนละครึ่งโดยตรง ใช้จ่ายได้วันละไม่เกิน 200 บาท
กูรูมีมุมมองว่าหากเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.0-1.2 รอบ จะมีผลต่อจีดีพีราว 0.58%-0.70% สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ได้แก่ BJC, CPAXT, CBG, OSP, ICHI, KTB, AEONTS, MTC, TIDLOR, SAWAD, KTC เป็นต้น
2.รมว. คมนาคม ประกาศนโยบายรถประจำทาง 8 บาท จะปรับเปลี่ยนรถเมล์ร้อน 1,520 คัน เร่ง ขสมก. ประมูลรถเมล์ EV มาทดแทน ประเมินจิตวิทยาบวกต่อหุ้น EA, NEX
3.กระทรวงท่องเที่ยววางเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวจีนจำนวน 2 ล้านคนใน 4 เดือน หรือเฉลี่ยเดือนละ 5.0 แสนคนเร่งขึ้นกว่าค่าเฉลี่ย 8M25 ที่ 3.9 แสนคน จิตวิทยาบวกต่อหุ้นท่องเที่ยว AOT, ERW, CENTEL