รายงานพิเศษ : TPLAS กลับมาโดดเด่น รับอานิสงส์มาตรการคนละครึ่ง หนุนยอดขายบรรจุภัณฑ์เพิ่ม
รัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเตรียมประกาศใช้มาตรการคนละครึ่ง ที่ได้รับการเรียกร้องจากประชาชนจำนวนมาก โดยนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการ "คนละครึ่ง" คาดว่าจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ได้ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนตุลาคมนี้
โดย นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยืนยัน คนละครึ่ง มี เฟส 2 เพราะทางรมว.คลังได้รับนโยบายจากนายกรัฐมนตรีให้ดูอยู่ ซึ่งคงต้องรอติดตามให้จบเฟส 1 ก่อน ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงเดือนธ.ค.68 หรือม.ค.69 สำหรับผู้ได้สิทธิโครงการคนละครึ่ง เฟส 1 จะมีประมาณ 33 ล้านสิทธิ แบ่งเป็น กลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13 ล้านสิทธิ และประชาชนทั่วไปอีก 20 ล้านสิทธิ
ขณะที่นายภราดร ปริศนานทกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้งบประมาณปี 2568 น่าจะเหลืออยู่ประมาณกว่า 60,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบกลาง ที่ใช้สำรองฉุกเฉินประมาณ 20,000 กว่าล้านบาท โดยจะใช้งบนี้ไปดำเนินโครงการคนละครึ่ง ซึ่งจะให้กลุ่มที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อน โดยให้เพิ่มจากเดือนละ 300 บาท เติมเข้าไปอีก 1,700 บาท ซึ่งมีกลุ่มเปราะบางอยู่ทั้งหมด 13 ล้านคน คาดต้องใช้เงินประมาณ 22,000 ล้านบาท
"โครงการคนละครึ่งนี้ จะใช้งบประมาณที่เหลือของปี 2568 และงบประมาณของปี 2569 ที่จะเริ่มในเดือนต.ค.68 ซึ่งจะถูกนำมาใช้ด้วย ตั้งงบประมาณไว้ 25,000 ล้านบาท และอาจมีเพิ่มเติมได้ ดังนั้นภาพรวมการใช้งบประมาณในโครงการคนละครึ่ง จะอยู่ที่ประมาณ 50,000 ล้านบาท"
ส่วนมุมมองของภาคเอกชน นายณัฐ วงศ์พานิช ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ระบุ มาตรการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ จะต้องเป็นมาตรการกระตุ้นการจับจ่าย เพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียน (Spending Boost) เพื่อสร้าง Multiplier Effect หรือผลกระทบเชิงเศรษฐกิจเชื่อมโยงหลายทอด
โครงการ "คนละครึ่ง" สมาคมฯ เห็นว่ามาตรการ "คนละครึ่ง" เวอร์ชันอัปเกรด จะเป็น "ยาแรง" ที่ช่วยอัดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างทั่วถึง และเป็นกลไกสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมาอย่างยาวนาน โดยสามารถกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนและกระจายรายได้อย่างทั่วถึง
การกลับมาของมาตรการคนละครึ่งในรอบนี้ นับเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสมกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นช่วงปลายปี นับเป็นช่วงที่มีการใช้จ่ายมากที่สุด ซึ่งจะส่งผลดีต่อการใช้บรรจุภัณฑ์ของ บมจ.ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) (TPLAS)
ในฐานะผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ 1. ถุงบรรจุอาหารประเภท Polypropylene ภายใต้ตราสัญลักษณ์ "หมากรุก"2. ถุงบรรจุอาหารและถุงหูหิ้วประเภท High Density Polyethylene ภายใต้ตราสัญลักษณ์ "หมากรุก" 3. ฟิล์มถนอมอาหาร Polyvinyl Chloride ภายใต้ตราสัญลักษณ์ "Vow Wrap"4. บรรจุภัณฑ์กระดาษ ภายใต้ตราสัญลักษณ์ "BEAT BOX ซึ่งเป็นการเติบโตที่สอดคล้องกับการใช้จ่ายของผู้บริโภค