Smart Investment

ทองคำ ยังฮอต! จีนเตรียมผงาดดูแลทุนสำรองโลก SPDR–ธนาคารกลางแห่ตุน เฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย


28 กันยายน 2568
Mr.Data
 
ราคาทองคำพุ่งต่อเนื่อง จากแรงซื้อทั่วโลกที่มองหา “สินทรัพย์หลบภัย” ท่ามกลางเศรษฐกิจเปราะบาง ธนาคารกลางและกองทุน SPDR แห่สะสมทอง ขณะที่จีนเดินเกมใหญ่ เตรียมก้าวสู่ผู้ดูแลทองคำสำรองโลก ด้านเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย เสริมแรงหนุนทองคำยืนเด่นในฐานะหลักประกันความมั่นคงของพอร์ตลงทุน

ทองคำยังฮอต!_S2T-(เว็บ)_0.jpg
 
...ย้อนหลัง 1 ปี ราคาทองในตลาดโลกและในประเทศไทย สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) ต่อเนื่อง
 
ทอง Gold Future ขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดที่ 3,824.6 ดอลลาร์ จากราคาต่ำสุด 2,541.5 ดอลลาร์ ส่วนทอง Gold Sport ทดสอบจุดสูงสุด 3,791.11 ดอลลาร์ จากราคาต่ำสุด 2,536.91 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นราว 1,200-1,300 ดอลลาร์ ภายในเวลา 1 ปี
 
ขณะที่ราคาทองแท่ง 96.5% ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำในเดือนกันยายน 2568 ขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดใหม่ที่  57,150 บาท เทียบต้นปีราคาต่ำสุดที่ 42,550 บาท เพิ่มขึ้น 14,600 บาท
 
ทองคำกลับมาโดดเด่นในฐานะ “สินทรัพย์หลบภัย”
 
ราคาทองคำยังคงทำสถิติ All Time High ต่อเนื่อง สะท้อนบทบาทการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ที่นักลงทุนทั่วโลกหันมาพึ่งพาในช่วงเศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วยความเปราะบาง ปัจจัยสำคัญคือแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่อาจปรับลดลง เนื่องจากทองคำไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยโดยตรง ดังนั้นเมื่อดอกเบี้ยสูง นักลงทุนมักเลือกฝากเงินหรือซื้อพันธบัตรแทน แต่ในวันที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงิน เสน่ห์ของทองคำก็กลับมาชัดเจนและน่าสนใจยิ่งขึ้น
 
ธนาคารกลางแห่ซื้อทอง ลดพึ่งดอลลาร์
 
ข้อมูลจาก World Gold Council (WGC) ชี้ว่าตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำมากกว่า 1,000 ตันต่อปีต่อเนื่อง โดยผู้เล่นหลักได้แก่ จีน อินเดีย ตุรกี รัสเซีย และโปแลนด์
 
การเคลื่อนไหวนี้มีเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ สร้างเสถียรภาพด้านทุนสำรอง และป้องกันความเสี่ยงจากมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
 
การเร่งสะสมทองคำของธนาคารกลางยังสะท้อนให้เห็นว่า ทองคำถูกยกสถานะเป็น “หลักประกันความมั่นคง” ในพอร์ตทุนสำรองระหว่างประเทศ
 
ขณะเดียวกันก็เป็นการส่งสัญญาณเชิงกลยุทธ์ว่า หลายประเทศเริ่มหาทางลดอิทธิพลของดอลลาร์ในระบบการเงินโลก
 
SPDR ถือทองแตะ 1,000 ตัน สูงสุดในรอบ 3 ปี
 
อีกแรงหนุนสำคัญมาจาก SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก กลับมาถือครองทองคำเกินกว่า 1,000 ตันอีกครั้ง ถือว่าสูงที่สุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 เพียงเดือนกันยายนก็ตุนทองเพิ่มไปแล้วกว่า 22.89 ตัน ความเคลื่อนไหวนี้ช่วยยืนยันว่า สถาบันการเงินขนาดใหญ่ยังมองเห็นศักยภาพของทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง
 
เมื่อกองทุนยักษ์ใหญ่เร่งสะสมทอง ยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้ราคาทองคำเดินหน้าสร้างรอบขาขึ้นต่อเนื่อง เพราะเป็นสัญญาณบวกต่อทั้งนักลงทุนรายย่อยและรายใหญ่ทั่วโลก
 
จีนเตรียมก้าวสู่ “ผู้ดูแลทองคำสำรองโลก”
 
หนึ่งในพัฒนาการที่น่าจับตาที่สุดคือ จีน ซึ่งกำลังพิจารณาสถานะใหม่ในตลาดทองคำโลก โดยมีรายงานจาก Bloomberg ว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) เตรียมเสนอบทบาทการเป็น ผู้ดูแล (custodian) ทองคำสำรองของประเทศอื่น ๆ ผ่าน Shanghai Gold Exchange
 
หากจีนสามารถเดินหน้านโยบายนี้ได้จริง จะถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมบทบาทของจีนในระบบการเงินโลก และสร้างแรงดึงดูดให้หลายประเทศนำทองคำสำรองมาฝากหรือให้จีนจัดการดูแล เพื่อความมั่นคงและประสิทธิภาพของการเก็บรักษา แนวทางนี้ยังสอดคล้องกับการผ่อนคลายกฎระเบียบการนำเข้า–ส่งออกทองคำที่จีนเริ่มดำเนินการมาก่อนหน้านี้ ซึ่งสะท้อนความตั้งใจผลักดันจีนขึ้นมาเป็นศูนย์กลางใหม่ของตลาดทองโลก
 
ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังหนุนราคา
 
นอกจากปัจจัยด้านการเงินแล้ว ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นเชื้อเพลิงราคาทองคำ ไม่ว่าจะเป็นสงครามรัสเซีย–ยูเครนที่ยืดเยื้อ ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ไปจนถึงการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ–จีน ประวัติศาสตร์ชี้ชัดว่า ทุกครั้งที่เกิด “สัญญาณเสี่ยงสงคราม” นักลงทุนทั่วโลกเร่งเข้าซื้อทองคำทันที เพราะมองว่าเป็นหลักประกันที่จับต้องได้
 
เฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย หนุนแรงซื้อทอง
 
อีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันราคาทองคำคือ ท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) โดยนาย สตีเฟน มิแรน หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด ระบุชัดว่า นโยบายการเงินปัจจุบันถือว่า “เข้มงวด” เกินไป พร้อมสนับสนุนให้เฟดลดดอกเบี้ยเชิงรุกถึง 0.5% เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงชะลอตัวแรง
 
หลากปัจจัยหนุน เริ่มตั้งแต่การซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลาง กองทุน SPDR ที่ตุนทองเพิ่ม ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ไปจนถึงแนวโน้มเฟดปรับลดดอกเบี้ย ล้วนเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ราคาทองคำยังคงร้อนแรง และถูกยกบทบาทเป็น “หลักประกันความมั่นคง” ของพอร์ตลงทุนในยุคที่ความเสี่ยงรอบด้านยังคงปกคลุมเศรษฐกิจโลก
 
และประเด็นที่น่าจับตาคือ การเคลื่อนไหวของจีนในฐานะผู้ดูแลทุนสำรองทองคำโลก รวมถึงจังหวะการตัดสินใจของเฟด เพราะทั้งสองปัจจัยนี้อาจเป็นตัวเร่งสำคัญที่ชี้ทิศทางราคาทองคำในระยะถัดไป


ทองคำยังฮอต!_0.jpg