Talk of The Town

PTTGC ปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งสำคัญ โบรกฯ ชี้ปลดล็อคมูลค่าสินทรัพย์ สร้างกระแสเงินสด คาดปี 69 บุ๊กกำไร 2-2.3 พันล้านบาท


26 กันยายน 2568

PTTGC แจงบอร์ดไฟเขียวขายหุ้น “ไทยแท้งค์เทอร์มินัล” มูลค่า 4.40 พันล้านบาท พร้อมปรับโครงสร้างธุรกิจท่าเทียบเรือและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ ฟากโบรกฯ มองเป็นบวก จะช่วยสร้างกระแสเงินสดที่สูงขึ้น คาดจะบันทึกกำไรราว 2.0-2.3 พันล้านบาท ในปี 69

PTTGC ปรับโครงสร้างธุรกิจ_S2T (เว็บ)_0.jpg

นาย ณะรงค์ศักดิ์ จิวากานันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ในการประชุมคณะกรรมการได้มติเห็นชอบให้ขายหุ้นสามัญของบริษัท ไทยแท้งค์เทอร์มินัล จำกัด (“TTT”) ซึ่งมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท ให้แก่ PTT TANK จำนวน 4,463,999 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 35.43% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ TTT ในราคาหุ้นละประมาณ 986.34 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น จำนวน 4,403,000,000 บาท 

ทั้งนี้ บริษัทอาจได้รับค่าตอบแทนเพิ่มเติม (Earn Out) ซึ่งคำนวณจากมูลค่าปัจจุบันของประมาณการกระแสเงินสดที่ TTT จะได้รับจากการต่อสัญญาบริการถังบรรจุอีเทนที่ทำกับบริษัท ในช่วงระหว่างปี 2587 ถึง 2595 เป็นจำนวนสูงสุดไม่เกิน 604 ล้านบาท 

โดยบริษัทจะได้รับชำระค่าตอบแทนส่วนนี้เมื่อบริษัทได้เข้าทำสัญญาบริการถังบรรจุอีเทนกับ TTT ตามเงื่อนไขที่กำหนดในสัญญาซื้อขายหุ้นแล้ว นอกจากนี้ราคาซื้อขายอาจมีการปรับลดลง หากมูลค่าโครงการสร้างถังบรรจุอีเทนหลังประกวดราคาสูงกว่างบประมาณที่ตั้งไว้

ทั้งนี้ ภายหลังการเข้าทำธุรกรรมการขายหุ้นแล้ว บริษัทจะยังคงถือหุ้นใน TTT จำนวน 126,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 1% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ TTT เพื่อให้โครงสร้างการถือหุ้นของ TTT เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ว่าให้ผู้ถือหุ้นเดิมต้องถือหุ้นรวมกันไม่ต่ำกว่า 51% ภายใต้สัญญาร่วมลงทุนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน (PPP) ซึ่ง TTT ทำกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

สำหรับการเข้าทำธุรกรรมการขายหุ้นดังกล่าวสอดคล้องกับกลยุทธ์Asset Light & Portfolio Transformation และแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยโครงการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-Core Asset Monetization) เป็นหนึ่งในโครงการที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรเพื่อรักษาความมั่นคงของบริษัทโดยภายหลังจากการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าว คาดว่าบริษัทจะมีเงินสดเพิ่มขึ้น ช่วยทำให้ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ แข็งแกร่งขึ้น ลดภาระหนี้สิน และช่วยให้บริษัทสามารถมุ่งเน้นธุรกิจหลัก

พร้อมกันนี้ ในการประชุมคณะกรรมการได้มีมติเห็นชอบการปรับโครงสร้างธุรกิจท่าเทียบเรือและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ โดยบริษัทจะดำเนินการขายทรัพย์สินและเช่าทรัพย์สินกลับบางส่วนรวมถึงรับบริการท่าเทียบเรือและพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อใช้ในการดำเนินงาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานบางส่วนของบริษัทสาขาที่ 7 ท่าเทียบเรือและคลังผลิตภัณฑ์ (BTF) ได้แก่ ท่าเทียบเรือ ถังเก็บผลิตภัณฑ์ ระบบขนถ่ายสินค้าทางรถบรรทุก เครื่องมือและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

รวมทั้งการโอนสิทธิการให้บริการแก่ลูกค้าและสิทธิในการใช้ที่ดิน ซึ่งตั้งอยู่ ณ อำเภอเมืองระยอง จังหวัด ระยอง ตลอดจนการโอนใบอนุญาตที่สำคัญที่ใช้ในการประกอบกิจการท่าเทียบเรือและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ดังกล่าว (การปรับโครงสร้างธุรกิจท่าเทียบเรือและคลังเก็บผลิตภัณฑ์) รวมทั้งการเข้าทำสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง 

ทั้งนี้ ธุรกรรมดังกล่าวอยู่ภายใต้โครงการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-Core Asset Monetization) ของบริษัทการเข้าทำธุรกรรมการปรับโครงสร้างธุรกิจท่าเทียบเรือและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสอดคล้องกับกลยุทธ์ Asset Light & Portfolio Transformation และแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท 

โดยโครงการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-Core Asset Monetization) เป็นหนึ่งในโครงการที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรเพื่อรักษาความมั่นคงของบริษัท โดยภายหลังจากการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าว คาดว่าบริษัทจะมีเงินสดเพิ่มขึ้น ช่วยทำให้ฐานะทางการเงินของบริษัทแข็งแกร่งขึ้น ลดภาระหนี้สิน และช่วยให้บริษัทสามารถมุ่งเน้นธุรกิจหลัก 

ภายหลังจากที่บริษัทได้ดำเนินการโอนขายทรัพย์สิน บริษัทจะเช่าทรัพย์สินกลับบางส่วนรวมถึงเข้ารับบริการท่าเทียบเรือและพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้บริษัทสามารถใช้ทรัพย์สินที่เช่าและรับบริการในการดำเนินงานของบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท

ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างธุรกิจท่าเทียบเรือและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วยธุรกรรมที่สำคัญ ได้แก่ธุรกรรมการขายทรัพย์สินบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจท่าเทียบเรือและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ของบริษัทสาขาที่ 7 ท่าเทียบเรือและคลังผลิตภัณฑ์ (BTF) ได้แก่ ท่าเทียบเรือ ถังเก็บผลิตภัณฑ์ ระบบขนถ่ายสินค้าทางรถบรรทุก เครื่องมือและอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 

รวมทั้งการโอนสิทธิการให้บริการแก่ลูกค้า และสิทธิในการใช้ที่ดิน ซึ่งตั้งอยู่ ณ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ตลอดจนการโอนใบอนุญาตที่สำคัญที่ใช้ในการประกอบกิจการท่าเทียบเรือและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ ให้แก่ บริษัทย่อยของ PTT TANK ที่จะได้จัดตั้งขึ้นใหม่ (บริษัทย่อยใหม่ของ PTT TANK”) คิดเป็นมูลค่า 4,840,000,000 บาท

ธุรกรรมการเช่าทรัพย์สินกลับระยะสั้น เพื่อให้บริษัทยังสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติในระหว่างดำเนินการโอนใบอนุญาตที่ใช้ในการประกอบกิจการท่าเทียบเรือและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ไปยังบริษัทย่อยใหม่ของ PTT TANK บริษัทจะเช่าทรัพย์สินที่ขายดังกล่าว กลับมาจากบริษัทย่อยใหม่ของ PTT TANK 

โดยเพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจท่าเทียบเรือและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ โดยการเข้าทำสัญญาเช่าทรัพย์สินระยะสั้นเป็นระยะเวลาเบื้องต้นไม่เกิน 12 เดือน นับแต่วันที่การซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ หรือตามระยะเวลาที่คู่สัญญาจะได้ตกลงกัน กับบริษัทย่อยใหม่ของ PTT TANK โดยมีค่าตอบแทนรวมตลอดระยะเวลา 12 เดือนจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 516 ล้านบาท

ธุรกรรมการให้บริการบำรุงรักษาระยะสั้น เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอยู่ภายใต้การดำเนินงานของผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการบำรุงรักษา ในระหว่างการโอนใบอนุญาตที่ใช้ในการประกอบกิจการท่าเทียบเรือและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ไปยังบริษัทย่อยใหม่ของ PTT TANK 

โดยบริษัทจะให้บริการด้านการบำรุงรักษา แก่บริษัทย่อยใหม่ของ PTT TANK เป็นระยะเวลาเบื้องต้นไม่เกิน 12 เดือน นับแต่วันที่การซื้อขายเสร็จสมบูรณ์หรือตามระยะเวลาที่คู่สัญญาจะได้ตกลงกัน โดยมีค่าตอบแทนรวมตลอดระยะเวลา 12 เดือน จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 207 ล้านบาท

ธุรกรรมการเช่าถังเก็บผลิตภัณฑ์กลับ โดยบริษัทจะเช่าถังเก็บผลิตภัณฑ์จำนวน 9 ถังกลับมาจากบริษัทย่อยใหม่ของ PTT TANK เพื่อใช้ในการ ประกอบกิจการของบริษัทโดยการเข้าทำสัญญาเช่าถังเก็บผลิตภัณฑ์เป็นระยะเวลา 3 ปี นับแต่วันที่บริษัทได้ดำเนินการโอนใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องให้แก่บริษัทย่อยใหม่ของ PTT TANK ครบถ้วน กับบริษัทย่อยใหม่ของ PTT TANK โดยมีค่าตอบแทนรวมตลอดระยะเวลา 3 ปีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 534 ล้านบาท

ธุรกรรมการรับบริการท่าเทียบเรือและพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจของบริษัทต่อเนื่องไปได้ โดยการเข้าทำสัญญาบริการท่าเทียบเรือและพื้นที่ส่วนกลาง กับบริษัทย่อยใหม่ของ PTT TANK โดยบริษัทจะชำระค่าบริการเป็นรายเดือนโดยแบ่งเป็นสองส่วน 

โดยจะประกอบด้วย ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Handling Charge) และค่าบริการท่าเทียบเรือและสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางแบบเหมาจ่าย ซึ่งเป็นไปตามราคาตลาด (arm-length basis) ที่เหมาะสมสำหรับบริการประเภทนั้น ๆ โดยมีค่าตอบแทนรวมตลอดระยะเวลา 10 ปี จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 1,600 ล้านบาท

ธุรกรรมการให้บริการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) บริษัทจะให้บริการงานสนับสนุนต่างๆ ที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจท่าเทียบเรือและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ (O&M Service) แก่บริษัทย่อยใหม่ของ PTT TANK โดยการเข้าทสัญญาว่าจ้างการดำเนินงานและการบำรุงรักษา กับบริษัทย่อยใหม่ของ PTT TANK โดยให้มีอัตราค่าบริการเป็นไปตามราคาตลาด (arm-length basis) ที่เหมาะสมสำหรับบริการประเภทนั้น ๆ โดยมีค่าตอบแทนรวมตลอดระยะเวลา 10 ปี จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 3,737 ล้านบาท

สุดท้าย ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 11/2568 เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2568ได้มีมติอนุมัติเห็นชอบให้บริษัทขายหุ้นสามัญของบริษัท คุราเร่ จีซี แอด วานซ์ แมททีเรียลส์ จำกัด (KGC) ให้ Kuraray Company Limited (KRR) ในสัดส่วน 20.1% 

โดยที่ประชุมคณะกรรมการ KRR ในวันที่ 25 กันยายน 2568 มีมติอนุมัติการเข้าทำธุรกรรมนี้ทั้งนี้ บริษัทคาดการณ์ว่าการลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคม 2568 และจะโอนหุ้นแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2568 ภายหลังจากที่การโอนหุ้นแล้วเสร็จ สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ จะลดลงจาก 33.4% เป็น 13.3% 

ในขณะที่สัดส่วนการถือหุ้นของ KRR จะเพิ่มขึ้นจาก 53.3% เป็น 73.4% และสัดส่วนการถือหุ้นของ Sumitomo Corporation คงอยู่ที่ 13.3% ส่งผลให้การลงทุนของบริษัทใน KGC เปลี่ยนสถานะจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเป็นเงินลงทุนอื่น และการขายหุ้นดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานอย่างเป็นนัยสำคัญ การทำธุรกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงโครงสร้างทางธุรกิจ (portfolio transformation) ของบริษัท

เปิดความเห็นนักวิเคราะห์

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองต่อประเด็นข้างต้นเป็นบวกจากกระแสเงินสดที่เป็นไปได้ที่จะสูงขึ้นแต่มองเป็นกลางจากผลกระทบต่องบกำไรขาดทุน แม้เชื่อว่าบริษัทจะบันทึกกำไรที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจาก 2 ธุรกรรมนี้ในช่วง 2-2.3 พันล้านบาท (หลังภาษี) ในปี 2569 

แต่อย่างไรก็ดี บริษัทน่าจะเห็นผลกระทบเชิงลบเล็กน้อยต่องบกำไรขาดทุนในอนาคตจากการที่ผลกระทบจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม (equity income) ที่ลดลงและค่าใช้จ่ายจากค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ย (จากผลกระทบของ lease back) ที่สูงขึ้นน่าจะใหญ่กว่าค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงจากการเอาเงินสดมาลดหนี้ 

สำหรับกระบวนการ asset monetization น่าจะยังคงดำเนินต่อไป คาดว่า 2 ธุรกรรมนี้ (รวมกัน 9.2 พันล้านบาท) จะเป็นส่วนหนึ่งของแผนลดหนี้ระยะยาว สำหรับบริษัทที่ตั้งเป้าไว้ที่ 3 หมื่นล้านบาท เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการถูกลลด อันดับความน่าเชื่อถือ (credit rating)

ทั้งนี้ ราคาสะท้อนแผนลดหนี้และความคาดหวังอุปทานลดลงไปมากแล้ว ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมา 46% และ outperform SET 37% ในช่วง 6เดือนที่ผ่านมาสะท้อนความคาดหวังจากแผนการลดหนี้และอุปทานตลาดโอเลฟินส์ที่เป็นไปได้ที่ลดลงไปมากแล้ว ในขณะที่ภาพรวมธุรกิจปิโตรเคมียังคงอยู่ในภาวะอุปทานส่วนเกิน จึงแนะนำ "ขาย" ราคาเป้าหมาย 21 บาท 

ส่วนนักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองเป็นบวกต่อธุรกรรมครั้งนี้ โดยถือเป็นการปลดล็อคมูลค่าสินทรัพย์จาก Non-core Asset สร้างกระแสเงินสด ลดภาระหนี้ อัตราส่วนทางการเงินดีขึ้น และรับรู้กำไรพิเศษ (ไม่รวมในประมาณการ) 

นอกจากนี้ อนาคตยังมีโอกาสเกิด Asset Monetization เพิ่มเติม (มูลค่าครั้งนี้ 9 พันล้านบาท vs Guidance ของบริษัทระดับ 3 หมื่นล้านบาท) จึงคงคำแนะนำา TRADING ราคาเหมาะสม 26.70 บาท