ทองคำพุ่งออลไทม์ไฮ! จากบาทละ 416 สู่ 54,900 บ. พุ่ง 13,000% 3 ปัจจัยหลักหนุนทองคำยืนระยะยาว
Mr.Data
ราคาทองคำในประเทศไทยยังคงเดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ (All-Time High) ต่อเนื่อง โดยในปี 2568 ราคาทะยานแตะ 54,900 บาทต่อบาททองคำ เมื่อเทียบกับปี 2508 ที่อยู่เพียง บาทละ 416 บาท เพิ่มขึ้น 13,000% หรือมากกว่า 130 เท่า ในรอบ 60 ปี สะท้อนพลังของทองคำในฐานะ “สินทรัพย์ปลอดภัยเหนือกาลเวลา”
3 ปัจจัยหลักหนุนทองคำสู่ขาขึ้น
1.ธนาคารกลางซื้อทองคำไม่หยุด ตั้งแต่ปี 2565–2567 ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำเพิ่มกว่า 1,000 ตันต่อปี ติดต่อกัน 3 ปี ถือเป็นสถิติสูงสุดที่ตอกย้ำความต้องการทองคำในฐานะ “สินทรัพย์สำรองหลัก”
2.บทบาทดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง (De-dollarization) สัดส่วนเงินดอลลาร์ในทุนสำรองโลกหดตัวเหลือ 57.8% ต่ำสุดในรอบ 30 ปี หลายประเทศกระจายความเสี่ยงด้วยการถือครองทองคำมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์
3.ทองคำกลับมาเป็น “หัวใจระบบการเงินโลก” ธนาคารกลางมองทองคำเป็นเกราะป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ภาวะเศรษฐกิจผันผวน และการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ทำให้แรงซื้อทองคำยังคงแข็งแกร่ง แม้ความต้องการทองคำเพื่ออุตสาหกรรมและเครื่องประดับอาจชะลอตัวก็ตาม
ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์–ศก.โลก เสริมแรงหนุน
นอกจากแรงซื้อจากธนาคารกลางแล้ว ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย เช่น สงครามรัสเซีย–ยูเครน ที่ยังไม่สิ้นสุด ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอิสราเอล–อิหร่าน เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว และความไม่แน่นอนด้านนโยบายการเงินของเฟด แนวโน้ม เฟดอาจลดดอกเบี้ย ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า ยิ่งหนุนราคาทองคำปรับขึ้นแรง
กรณีล่าสุด เหตุการณ์โดรนรัสเซียถูกยิงในน่านฟ้าโปแลนด์ สมาชิก NATO ยิ่งสร้างแรงกดดันต่อความมั่นคงโลก และกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
InterGOLDแนะนำกลยุทธ์ลงทุน
นักลงทุนระยะสั้นต้องระมัดระวัง เนื่องจากราคาทองคำผันผวนสูงตามข่าวสารและสถานการณ์โลก หากซื้อเก็งกำไรสั้น ๆ อาจเสี่ยงขาดทุนหากตลาดปรับฐานแรง
นักลงทุนระยะยาวผู้ที่มี “เงินเย็น” ยังสามารถทยอยสะสมทองคำได้ เนื่องจากแนวโน้มระยะยาวยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น และทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่เก็บรักษามูลค่าได้ดีกว่าการฝากเงินสดในธนาคาร
InterGOLD แนะนำว่า สำหรับผู้ที่มีทองคำอยู่แล้ว หากต้นทุนไม่สูงและลงทุนระยะยาว การถือครองต่อเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ส่วนผู้ที่ต้องการซื้อเพิ่ม ควรทยอยซื้อเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวน และไม่ควรลงทุนด้วยอารมณ์ “กลัวพลาดโอกาส (FOMO)”
เสียงจากสมาคมค้าทองคำ
"จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี" นายกสมาคมค้าทองคำ ย้ำว่า ราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มปรับขึ้นในอนาคต เพราะความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก
“กว่า 70 ปีในวงการทอง ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ราคาทองคำได้แม่นยำ สิ่งสำคัญคือนักลงทุนต้องเข้าใจธรรมชาติของทองคำ และเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะกับตัวเอง”
ทองคำกำลังกลับมาเป็นศูนย์กลางระบบการเงินโลกอีกครั้ง ด้วยแรงซื้อจากธนาคารกลาง การลดบทบาทของดอลลาร์ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ–การเมืองระหว่างประเทศ นักลงทุนระยะยาวยังถือทองได้ต่อ ขณะที่นักลงทุนระยะสั้นควรบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ!!!