จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : PTG รับอานิสงส์กาแฟพันธุ์ไทย ติดลมบน ดันสัดส่วนกำไรขั้นต้น ธุรกิจ Non-Oil แตะ 35-40%


10 กันยายน 2568

บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) ยังคงสร้างผลงานการเติบโตที่โดดเด่น จากวิสัยทัศน์และการวางกลยุทธ์ สร้างการเติบโตจากธุรกิจ Non-Oil  ดันสัดส่วนกำไรขั้นต้นเพิ่มแตะ 35-40% ของกำไรขั้นต้นรวม 

PTG รับอานิสงส์กาแฟพันธุ์ไทย_รายงานพิเศษ S2T (เ45.jpg

นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์หุ้น โดยระบุว่า PTG ยังคงเน้นเดินหน้าขยายธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย ซึ่งปี 68 ตั้งเป้าขยายสาขาเป็น 1,947 สาขา จากเดิมปี 67 อยู่ที่ 1,347 สาขา โดยช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1,642  สาขา ทำให้ยอดขายธุรกิจ Non-Oil ครึ่งปีแรกโต 62.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของกาแฟพันธุ์ไทยที่มีรายได้เพิ่มประมาณ 125% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  ทำให้บริษัทได้มีการปรับเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจ Non-Oil จากเดิมตั้งเป้าเติบโต 40-50% จากปีก่อน เป็น 50-60% จากปีก่อน

เช่นเดียวกับในสัดส่วนของสัดส่วนกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil ปรับเพิ่มจากเดิมที่ 30-35% ของกำไรขั้นต้นรวมเป็น 35-40%  ขณะที่ทางด้านธุรกิจ Oil มีการปรับเป้าหมายลง เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่ฟื้นตัวช้า  โดยปรับเป้าลงเหลือการเติบโตที่ 1-3% จากปีก่อน  จากช่วงไตรมาส 1/68 ที่ตั้งเป้าโต 5-10% จากปีก่อน 

โดยรวมในด้านของ EBITDA ยังคงเป้าการเติบโตที่ 8-12% จากปีก่อน จากการเติบโตของธุรกิจ Non-Oil เป็นหลัก คาดกำไรปี 68 ที่ 1.2 พันล้านบาท เติบโต 18% จากปีก่อน 

ดังนั้นจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยรวมในส่วนของธุรกิจ Oil อาจต้องรอปัจจัยหนุนที่ชัดเจนในประเด็นของค่าการตลาดที่อาจขยับขึ้นมาได้  จากการที่ฐานะเงินกองทุนน้ำมันปรับตัวดีขึ้น โดย ณ วันที่ 24 ส.ค. ฐานะเงินกองทุนในส่วนน้ำมันสุทธิ อยู่ที่ 1.8 หมื่นลบ. คาดว่าจะช่วยหนุนให้การปรับค่าการตลาดดีขึ้น 

อย่างไรก็ตามในระยะยาวยังมองบวกต่อการขยายธุรกิจ Non-Oil โดยเฉพาะในส่วนของกาแฟพันธุ์ ไทยที่ได้มีการปรับเป้าการเติบโตขึ้น และเป็น upside ต่อผลประกอบการในปีนี้ สำหรับมุมมองการลงทุนระยะยาวจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากราคาปรับตัวขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว การเข้าลงทุนอาจรอจังหวะราคาอ่อนตัวแล้วทยอยเข้าสะสม

ขณะที่ นายธีรพันธ์ ดิษยบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินและความยั่งยืน ระบุในงาน Opportunity Day ถึงผลการดำเนินงานครึ่งแรกปี 68 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 113,903 ล้านบาท จากธุรกิจ Non-Oil ที่มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 10,961 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 34.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการเติบโตที่มาจากการขยายสาขากาแฟพันธุ์ไทย 59.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  รวมถึงการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม 

และได้ปรับเป้าการเติบโตรายได้จากธุรกิจ Non-Oil (ไม่รวม LPG) ปี 68 เป็น 50-60% จากเดิม 40-50% จากปีก่อน ขณะที่สัดส่วนกำไรขั้นต้นธุรกิจ Non-Oil ปรับเป็น 35-40% จากเดิม 30-35% รับอานิสงส์สมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ใช้สิทธิต่อเนื่อง

ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ประเมินภาพรวมธุรกิจยังเติบโตแข็งแกร่งจากธุรกิจ Non-Oil ที่เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ผ่านกลยุทธ์การขยายสาขาของกาแฟพันธุ์ไทย และการขยายตัวของฐานลูกค้าสมาชิก นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้เดินหน้าพัฒนาสถานีบริการ PT รูปแบบใหม่ PT GIGA EV  เพื่อเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต รวมถึงสถานีบริการน้ำมันและ LPG PT Max Rest นครชัยศรี 11เพื่อตอกย้ำวิสัยทัศน์ อยู่ดี มีสุข ผ่านการพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ที่เชื่อมโยงทุกไลฟ์สไตล์ผ่านบัตรสมาชิก PT Max Card , Max Card Plus และ Max Card Plus EV

สำหรับงบลงทุนปี 68 ยังคงอยู่ระดับที่ 3,000-4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจ Oil จำนวน 1,000-1,500 ล้านบาท ขยายสาขาพันธุ์ไทย 600-800 สาขา งบลงทุน 1,000-1,500 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจ Non Oil และอื่น ๆ อีกจำนวน 500-1,000 ล้านบาท ส่วนธุรกิจใหม่ตั้งไว้ที่ 1,000-1,500 ล้านบาท และคงเป้าหมายการเติบโตของ EBITDA ไว้ที่ 8-12% ในปีนี้