น่าสนใจสำหรับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด เพราะในปี 2568 ถือเป็นปีที่หนักหนาพอสมควร หลังถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ลงดาบ ในปี 2568 กว่า 3 ครั้ง
โดยครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568 ก.ล.ต. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 1 ราย กรณีส่งคำสั่งขายหุ้น JMT อันทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์
ทั้งนี้ ตามที่ปรากฏข่าวและสื่อออนไลน์ว่า ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (บลจ. บัวหลวง) มีการส่งคำสั่งขายหุ้น JMT จำนวน 30,000,000 หุ้น ซึ่งเป็นการขายหุ้นในปริมาณมาก และยกเลิกคำสั่งขายออกทั้งหมดในเวลาต่อมา อันเป็นการทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับปริมาณการขายหุ้น JMT ในกรณีดังกล่าว
ก.ล.ต.ได้ดำเนินการตรวจสอบ และพบว่า ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2566 (1 วันทำการ) การส่งคำสั่งขายหุ้น JMT ตามที่กล่าวมาข้างต้น มาจากบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของ บลจ. บัวหลวง ซึ่งส่งคำสั่งซื้อขายผ่านบริษัทหลักทรัพย์ ซิตี้คอร์ป (ประเทศไทย) จำกัด โดยขณะเกิดเหตุ นายพีรพงศ์ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้จัดการกองทุนของ บลจ. บัวหลวง เป็นผู้ส่งคำสั่งขายหุ้น JMT ในบัญชีดังกล่าวผ่านดีลเลอร์ของ บลจ. บัวหลวง ในปริมาณมากและมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปริมาณคำเสนอขายรวมทั้งตลาดในแต่ละระดับราคา ณ ขณะนั้น
และต่อมาได้ยกเลิกคำสั่งเสนอขายดังกล่าวทั้งหมดออกจากระบบ ทั้งนี้ การส่งคำสั่งขายดังกล่าวของนายพีรพงศ์ทำไปเพื่อต้องการทดสอบตลาด ซึ่งไม่ได้มีเจตนาให้เกิดการซื้อขายจริง อันเป็นการทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับปริมาณการซื้อขายหุ้น JMT
โดยเรียกให้ชำระเงินตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง รวม 704,187 บาท พร้อมทั้งกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร
ขณะที่ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2568 ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้กระทำความผิด 3 ราย ต่อ บก.ปอศ. กรณีซื้อหรือขายหลักทรัพย์ก่อนทำรายการซื้อขายของกองทุน โดยใช้ข้อมูลการลงทุนของกองทุน
ก.ล.ต.ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อเดือนมิถุนายน 2567 และตรวจสอบเพิ่มเติมพบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่าผู้กระทำความผิดรวม 3 ราย ได้แก่ 1.นางสาวปิยาพัชร อุดมรัตน์ 2.นายวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ และ3.นางนาวินี อุดมรัตน์ ได้ร่วมกันกระทำการเพื่อตนเองหรือบุคคลอื่น ในประการที่น่าจะทำให้กองทุนรวมเสียประโยชน์
จากการตรวจสอบ นางสาวปิยาพัชร ในฐานะพนักงานห้องค้าหลักทรัพย์ (dealer) ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (ขณะกระทำผิดสังกัด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมบัวหลวง จำกัด) ซึ่งเป็นบุคคลที่รู้หรือครอบครองข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ของกองทุนรวม ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับคำสั่งของกองทุนรวมที่ตนเป็นผู้ส่งคำสั่งซื้อขายของกองทุนรวมดังกล่าวให้แก่นายวิสุทธิ์ และนายวิสุทธิ์ได้อาศัยข้อมูลดังกล่าว ส่งคำสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์ก่อนที่นางสาวปิยาพัชรจะส่งคำสั่งซื้อหรือขายให้แก่บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของกองทุนรวมจำนวนหลายรายการ ในช่วงปี 2566 - 2567 โดยมีนางนาวินีร่วมเกี่ยวข้องกับเงินในการกระทำดังกล่าว
การกระทำของบุคคลดังกล่าวข้างต้น เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 244/2 ประกอบมาตรา 244/1 และมาตรา 315 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) แล้วแต่กรณี ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษบุคคลทั้ง 3 ราย ต่อ บก.ปอศ. เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ได้รายงานการดำเนินการดังกล่าวต่อ ปปง. เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป เนื่องจากความผิดดังกล่าวเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
และอีกหนึ่งเหตุการณ์ในปี 2568 ก.ล.ต. สั่งปรับ บลจ.บัวหลวง และผู้บริหาร 2 ราย รวม 2.3 ล้านบาท หลังระบบงานการจัดการลงทุนในเรื่องการวิเคราะห์ทบทวนและติดตามคุณภาพหลักทรัพย์ไม่รัดกุมเพียงพอ
โดยระหว่างวันที่ 27 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 28 ตุลาคม 2567 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (บลจ.บัวหลวง) ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุน มิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด โดยมีคำสั่งเปรียบเทียบที่ 67/2568 โดยปรับเป็นเงิน 2,091,750.00 บาท
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังได้สั่งปรับ พีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และสันติ ธนะนิรันดร์ หัวหน้าสายงานจัดการกองทุน และประธานคณะกรรมการลงทุน ซึ่งเป็นบุคคลที่รับผิดชอบในการดำเนินงานของ บลจ.บัวหลวง มีหน้าที่กำกับดูแลให้ บลจ.บัวหลวง มีระบบงานการจัดการลงทุนในเรื่องการวิเคราะห์ทบทวนและติดตามคุณภาพหลักทรัพย์ให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ประกาศกำหนด โดยเปรียบเทียบปรับรายละ 112,500 บาท เนื่องจากผู้บริหารทั้ง 2 ราย ไม่สั่งการหรือไม่กระทำการอันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำ จึงต้องรับผิดกรณี บลจ.บัวหลวง มีระบบงานการจัดการลงทุนในเรื่องการวิเคราะห์ทบทวนและติดตามคุณภาพหลักทรัพย์ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ประกาศกำหนด
ยอดนิยม
_0.jpg)
เปิดโผ 7 หุ้นเด่น! เตรียมรับผลประโยชน์เต็มสูบ หลัง “อนุทิน” สั่งลุย โครงการแลนด์บริดจ์
_0.jpg)
รถไฟฟ้า 20 บาทฝันสลาย โบรกฯ ชี้เป็นข่าวร้าย BEM-BTS-VGI-PLANB แต่ BTS แก้เกมไว! คืนชีพแพ็กเกจโดยสาร
%20copy_0.jpg)
ปันผลคุ้มไหม? หุ้นธนาคารราคาร่วงระนาว เซ่นปมขึ้นเครื่องหมาย XD
%20copy_0.jpg)
Inter GOLD ชี้ทองคำยังแรง! ทะลุ 3,640 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดใหม่ ลุ้นเป้า 3,700 ดอลลาร์ หรือ 55,500 บาท/บาททองคำ
_0.jpg)