Talk of The Town

“คนละครึ่ง” โครงการในฝันคนไทย คุ้มค่ากว่าแจกเงิน 10,000 บาท?


09 กันยายน 2568

กำลังจะถูกนำกลับมาอีกครั้ง สำหรับ “โครงการคนละครึ่ง” ที่ล่าสุดพรรคภูมิใจไทยส่งสัญญาณว่าอาจจะนำนโยบาย “คนละครึ่ง” กลับมากระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง

คนละครึ่ง โครงการในฝันคนไทย_S2T (เว็บ) copy.jpg

โดยต้องยอมรับว่า โครงการนี้ ถือเป็นหนึ่งในมาตรการที่เคยสร้างปรากฏการณ์สำคัญในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา เพราะหลายๆ ฝ่ายต่างมองว่า ช่วยหนุนกำลังซื้อ รวมถึงช่วยร้านค้าขนาดเล็ก และที่สำคัญ ยังเป็นโครงการที่ประชาชนต่างชื่นชอบกันอย่างมาก

แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามรายละเอียดที่ชัดเจนอีกครั้ง และหากนำมาใช้จริงๆ จะยังคงเงื่อนไขเดิมหรือไม่ และท้ายที่สุดแล้ว “หุ้นกลุ่มไหนจะได้รับประโยชน์”

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ประเด็นปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย มีแนวคิดที่จะนำโครงการคนละครึ่งมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ หากรัฐบาลอนุมัติ คาดเริ่มได้เร็ว ในเดือน ต.ค. 68 โดยงบประมาณมีรองรับ 25,000 ล้านบาท  และระบบพร้อมใช้ผ่านแอปเป๋าตัง  

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย คาดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจได้ราว 5 หมื่นล้านบาท หรือราว 0.3% ของ GDP ไทย (รัฐบาล และประชาชนฝั่งละ 2.5 หมื่นล้านบาท)

สำหรับมาตรการดังกล่าวคาดเม็ดเงินที่เข้าในระบบเศรษฐกิจ จะเป็นบวกต่อกลุ่ม Domestic หุ้นอิงกำลังซื้อภายใน หลักๆ คือ  กลุ่มค้าปลีก อาทิ นำโดย TNP  (รับประโยชน์โดยตรง เป็นร้านค้าท้องถิ่นที่เข้าร่วมโครงการในครั้งก่อน) CPAXT  (ขายสินค้าให้ร้านค้าท้องถิ่นอีกทอด)

กลุ่มที่มีสินค้าจำหน่ายในร้านค้าท้องถิ่น อาทิ เครื่องดื่ม (CBG, OSP, ICHI) ขนม (TKN, CHAO) น้ำมันพืช (TVO) สินค้าอุปโภค (NEO) กลุ่มที่จำหน่ายวัตถุดิบให้ร้านอาหาร  KCG  ฯลฯ 

กลุ่มที่ได้ประโยชน์ทางอ้อม อาทิ กลุ่มร้านอาหาร หนุนจากกำลังซื้อของผู้บริโภคสูงขึ้น  หุ้นแนะนำคือ BUY คือ MAGURO, M 

ดังนั้น คงมุมมองบวกต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก  จากความคาดหวังการเลือกตั้ง 4-6 เดือนข้างหน้ามีโอกาสหนุนเม็ดเงินภายในคึกคัก และสะพัด

ความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด มองว่า การนำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เคยประสบความสำเร็จในอดีตกลับมาใช้ใหม่อย่างนโยบายคนละครึ่ง ซึ่งมีข้อดีอยู่ 3 ข้อด้วยกัน

1.QUICK WIN กระตุ้นเศรษฐกิจทันใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ประกาศว่าจะ นำโครงการ “คนละครึ่ง” กลับมาใช้เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ภายใน 1 เดือนแรกของการทำงาน พร้อมใช้โครงสร้างระบบเดิมอย่าง ‘เป๋าตัง’ และ ‘ถุงเงิน’ ที่พร้อมใช้งานทันที โดยไม่ต้องสร้างใหม่

2.ต้นทุนประหยัด แต่มีประสิทธิผล นโยบายนี้ได้รับการยอมรับว่ามีความ "คุ้มค่ากว่า" โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพราะใช้งบประมาณน้อยกว่ามาก แต่สามารถกระจายเม็ดเงินไปยังร้านค้ารายย่อยได้จริง โดยตัวเลขในอดีตบ่งชี้ว่าโครงการดังกล่าวตลอดการมีอยู่ตั้งแต่เฟส 1-5 ใช้วงเงินเฉลี่ยราว 2-3 หมื่นล้านบาทต่อรอบ เท่านั้น แต่สามารถกระตุ้น GDP ได้ราว 0.2-0.4% 

3.เข้าใจง่าย ประชาชนและผู้ค้าคุ้นเคย ความสำเร็จในอดีตของโครงการนี้เกิดจากรูปแบบที่ประชาชนเข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน และสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจฐานรากอย่างรวดเร็ว

โดยหุ้นรับกระแสโครงการคนละครึ่ง ค้าปลีก ค้าส่ง CPAXT, CRC, DOHOME, BJC, CPALL อาหาร : SAPPE, CBG, TKN, OSP, M วัตถุดิบ : TVO, KSL, TU, CPF 

ด้านความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด มองว่า ประเด็นโครงการ “คนละครึ่ง” อาจมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับประชาชนมากขึ้น เบื้องต้นหากเกิดขึ้นจริง ประเมินว่าจะทำให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจขึ้นมาได้บ้าง 

ทั้งนี้ หากอ้างอิงจากผลการศึกษาของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในอดีต เคยประเมินว่า โครงการคนละครึ่งในระยะที่ 1-3 สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ GDP ได้ประมาณ 9 หมื่นล้านบาท หรือราว 0.5% ของ GDP โดยสามารถเพิ่มกำลังซื้อ และช่วยกระจายรายได้สู่ร้านค้าและประชาชนในระดับภูมิภาคได้

ส่วนผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนนั้น ประเมินว่าไม่มีนัยสำคัญ โดยเฉพาะบริษัทค้าปลีกต่างๆซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าร่วมในโครงการนี้ โดยอาจจะมีเพียง CPAXT ที่ได้ประโยชน์ทางอ้อม หากร้านค้าต่างๆที่เข้าร่วมโครงการมีความต้องการซื้อสินค้าขายส่งหรือกลุ่มอาหารสดเพิ่มขึ้น 

สำหรับผลกระทบต่อ Sector อื่นๆนั้น มองไปยังกลุ่ม Finance ที่ได้ประโยชน์ทางอ้อม เนื่องจากการสนับสนุนเงินช่วยเหลือด้านการบริโภคนี้ ก็จะทำให้เงินในกระเป๋าของผู้บริโภคมีเหลือมากขึ้น และทำให้มีความสามารถในการจ่ายชำระหนี้เพิ่มขึ้นได้

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มีมุมมองเป็นบวกกับโครงการ “คนละครึ่ง” คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ คือ CPAXT, BJC, CBG, OSP, ICHI, SAPPE, CPF เป็นต้น เนื่องจากมีลูกค้าเป็นร้านค้าปลีกรายย่อย โชห่วย ทั่วประเทศจำนวนมาก 

ขณะที่ร้าน 7-eleven ของ CPALL และร้านค้าปลีกสมัยใหม่อื่นๆ ต้องติดตามดูว่าได้เข้าร่วมโครงการหรือไม่ อย่างไรก็ตาม CPALL จะได้ประโยชน์ทางอ้อมจากการถือหุ้นใน CPAXT ประมาณ 60% แต่ขณะเดียวกันก็อาจเสียยอดขายบางส่วนให้กับรายค้าดั้งเดิม ผลกระทบจึงเป็นกลาง 

คนละครึ่ง โครงการในฝันคนไทย_S2T (เพจ) copy.jpg