เปิดบิ๊กโปรเจคส่อแวว “รอเก้อ” หลังเกมการเมืองเปลี่ยน “ได้รัฐบาลชุดใหม่”

เป็นที่ทราบกันแล้วว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย แต่ ภารกิจของรัฐบาลชุดนี้กลับไม่ง่ายนัก เพราะถูกกำหนดด้วยเงื่อนไขทางการเมืองที่อาจทำให้การทำงานไม่สามารถเดินหน้าได้อย่างเต็มที่
เพราะเกมการเมืองรอบนี้ มีข้อกำหนดต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน นับจากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จสิ้น ทำให้โครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลชุดก่อนหน้า มีโอกาสชะลอ ออกไปด้วย
และที่สำคัญ รัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ถือเป็นรัฐบาลเฉพาะหน้าตามแนวทางที่ประกาศไว้ โดยมีภารกิจหลัก คือ ยุบสภาและแก้รัฐธรรมนูญ นำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ ส่งผลให้ไม่สามารถทำงานด้านเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่ อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่เผชิญกับภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอยู่แล้วให้มากขึ้นไปอีก
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองตลาดหุ้นไทย หลังการเมืองเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง กลุ่มที่อาจได้รับผลบวก (จากนโยบายเร่งด่วน) คือ หุ้นที่เกี่ยวข้องกับนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ที่เคยเป็นที่รู้จักในเรื่องการผลักดันนโยบายกัญชาเสรี หากรัฐบาลใหม่ยังคงเดินหน้าหรือเน้นย้ำนโยบายนี้ อาจมีหุ้นบางกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ แม้จะไม่มีการระบุหุ้นโดยตรงในแหล่งที่มานี้
รวมทั้งกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ แม้จะไม่มีหุ้นใดที่ได้รับประโยชน์โดยตรง แต่นักลงทุนอาจเข้าลงทุนในหุ้นที่มีความปลอดภัย เช่นหุ้นที่กำไรดีมากๆ หรือหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูง หรือหุ้นที่มีธุรกิจอยู่ในต่างประเทศ
ทั้งนี้นโยบายหลักของรัฐบาลภูมิใจไทย (เฉพาะหน้า) โดยพรรคภูมิใจไทยได้ตอบรับข้อเสนอของพรรคประชาชน โดยมี นโยบายและภารกิจหลักของรัฐบาลเฉพาะหน้าที่จัดตั้งขึ้น ประกอบด้วย 1. การแก้ปัญหาความมั่นคง กรณีพิพาทไทย-กัมพูชา
2. การจัดทำประชามติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญโดยเร็ว
และ 3. การยุบสภาผู้แทนราษฎร คืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจทางการเมืองภายในเวลา 4 เดือน นับจากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จสิ้น
ดังนั้น เนื่องจากนโยบายหลักของรัฐบาลใหม่เน้นไปที่การปฏิรูปทางการเมืองและการเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งใหม่ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนต่อโครงการลงทุนขนาดใหญ่และนโยบายเศรษฐกิจระยะยาวของรัฐบาลชุดก่อนหน้า ภาคส่วนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ
1.ภาคโครงสร้างพื้นฐานและการก่อสร้าง
โครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลชุดก่อน เช่น โครงการแลนด์บริดจ์มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท, รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน, สนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 3, และโครงการ มอเตอร์เวย์และรถไฟฟ้า MRT สายต่างๆ กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการหรือวางแผน
หากรัฐบาลใหม่เน้นไปที่การยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ อาจส่งผลให้โครงการเหล่านี้เกิดความล่าช้า หรืองบประมาณบานปลาย หรือแม้กระทั่งการทบทวนใหม่ หุ้นที่เกี่ยวข้อง: CK, STEC, SCC, SCCC, TASCO, BBL (ในฐานะผู้ให้สินเชื่อ)
2. ภาคพลังงานและสาธารณูปโภค
นโยบายที่สำคัญ เช่น EV Incentive 2.0, Solar Rooftop & Smart Grid, มาตรการลดค่าไฟฟ้า (ต่ำกว่า 4 บาท), และการเจรจา พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับกัมพูชา (OCA) เพื่อหาแหล่งพลังงานใหม่ เป็นนโยบายที่ต้องใช้การลงทุนระยะยาวและความต่อเนื่อง หากมีการเปลี่ยนรัฐบาล อาจส่งผลต่อแผนการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดและโครงสร้างราคารวมถึงความมั่นคงทางพลังงาน หุ้นที่เกี่ยวข้อง GULF, GPSC, BGRIM, EA, SPCG, RATCH, PTT, PTTEP, BANPU, BCP, ESSO รวมถึง NEX, EA, BYD (JV), DELTA, KCE ในกลุ่ม EV Supply Chain
3. ภาคนิคมอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี
รัฐบาลชุดก่อนมีเป้าหมายในการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น โรงงานผลิตชิป และ ศูนย์ข้อมูล (Data Center) รวมถึงการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในภูมิภาค ความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติและทำให้แผนการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมและการพัฒนาเทคโนโลยีชะลอตัว หุ้นที่เกี่ยวข้อง: WHA, AMATA, ROJNA, PIN
4. ภาคการเงินและสินเชื่อ
นโยบายสำคัญอย่าง สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) สำหรับ SME และ โครงการปรับโครงสร้างหนี้ รวมถึง โครงการ Digital Wallet หากขาดความต่อเนื่องอาจส่งผลต่อความต้องการสินเชื่อ และคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารและบริษัทการเงิน หุ้นที่เกี่ยวข้อง: BBL, KBANK, SCB, MTC, SAWAD, TIDLOR, BAM
โดยสรุปแล้ว แม้รัฐบาลใหม่จะมีนโยบายหลักที่เน้นการยุบสภาและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องทางการเมืองเป็นสำคัญ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยจะมาจากการที่โครงการเศรษฐกิจขนาดใหญ่และนโยบายระยะยาวของรัฐบาลชุดก่อนอาจถูกชะลอ ทบทวน หรือยกเลิก เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและโอกาสในการเลือกตั้งใหม่%20copy.jpg)
ยอดนิยม
DELTA ผลงานไปต่อ! โบรกคาด Q4 กำไรพุ่ง 274% แต่แนะ “ขาย” แม้งบแรงไม่หยุด
TKN กำลังเจอมรสุม? เมื่อ Q3 กำไรอาจทรุด-ราคาหุ้นร่วงหนัก ก.ล.ต.ปรับ “ต๊อบ อิทธิพัทธ์” ข้อหาอินไซด์หุ้น
รวบหุ้นโรงไฟฟ้าได้ผลดี เมื่อ กพช. เดินหน้า Quick Big Win เพิ่มโอกาสการลงทุนใหม่
ย้อนรอย 10 ปี “ต๊อบ เถ้าแก่น้อย” รับทรัพย์อื้อ! เทขาย TKN กว่า 3.6 พันล้าน ผงะ! แต่ซื้อกลับแค่เพียง 560 ล้านบาท