รายงานพิเศษ : PIS รับภาครัฐหนุนเศรษฐกิจดิจิทัล กระตุ้นใช้เทคโนโลยี 5G -AI ดันรายได้ปี68 แตะ 3,000 ล้านบาท
บมจ.โปร อินไซด์ (PIS) ผลงานเติบโตแข็งแกร่ง รองรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาล พร้อมเดินหน้าร่วมประมูลงานภาครัฐ ดันรายได้ปีนี้แตะ 3,000 ล้านบาทตามเป้า
ดร.ณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี) ระบุว่า เป้าหมายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ภายในปี 2570 จะมีมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัล ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 30% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
โดยกระทรวงดีอี มีแผนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลใน 6 ด้านหลักด้วยกันคือ
1. การลงทุนในเรื่องของระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล (Capital and Investment)
2. การพัฒนาอัตลักษณ์ด้านดิจิทัล (Digital Identity)
3. การพัฒนาระบบดิจิทัล (Digital Infrastructure)
4. การพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (Digital Government)
5. การพัฒนาระบบอี-คอมเมิร์ซ (Digital Payment and Cashless Society)
6. การนำดิจิทัลไปเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมและภาคการผลิต รวมถึงการพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัล ตามเกณฑ์ในการพิจารณาของ IMD
"แม้ว่าปัจจุบันเรามีเทคโนโลยี 5G แต่ยังไม่ได้ถูกนำไปใช้ ในการพัฒนากระบวนการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ถ้าสามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัล และ AI ไปใช้ในการพัฒนาภาคการผลิต อุตสาหกรรม และ SMEs จะช่วยลดต้นทุนธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและ สร้างรายได้เพิ่มขึ้น" นายณัฐพล กล่าว
แนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย สอดคล้องกับการทำธุรกิจของ บมจ.โปร อินไซด์ (PIS) ในฐานะผู้ให้คำปรึกษา ออกแบบพัฒนา และติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารครบวงจร
ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PIS “เบญญาภา เฉลิมวัฒน์” มั่นใจทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตจากครึ่งปีแรก และบริษัทพร้อมเดินหน้าเข้าประมูลงานโครงการของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจหลายโครงการ และปัจจุบันอยู่ระหว่างรอผลการประมูลอีกหลายโครงการ
ขณะเดียวกัน ได้มองหาโอกาสทางธุรกิจในด้านอื่นๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเข้ารับงานโครงการที่มีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ และมั่นใจว่าในปีนี้บริษัทจะมีรายได้รวมเติบโตเกิน 15% แตะระดับ 3,000 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดใหม่ตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานงวดครึ่งแรกปี 2568 บริษัทมีรายได้ 1,440 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 849 ล้านบาท หรือ 144% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 591 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 152 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108 ล้านบาท หรือ 245% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
ส่วนงวดไตรมาส 2/68 มีรายได้ 812 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 142% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 335 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60 ล้านบาท หรือ 300% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 20 ล้านบาท
ปัจจัยสนับสนุนจากการทยอยรับรู้รายได้จากการส่งมอบงานโครงการของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจที่ได้รับมาในช่วงปลายปี 2567 ถึงต้นปี 2568 อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะงานด้านการรับวางระบบแบบครบวงจร (SI : System Integration) ซึ่งบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญสูง และล่าสุดบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ที่ชนะการประมูล และรอรับรู้รายได้ในอนาคตกว่า 4,944 ล้านบาท ผลักดันผลการดำเนินงานในช่วง 1-3 ปีข้างหน้าเติบโตต่อเนื่อง
"ช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากงาน SI ค่อนข้างสูง และในครึ่งปีหลังยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ พร้อมพัฒนาโซลูชันที่สอดคล้องความต้องการของลูกค้าและสามารถปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในปัจจุบัน เช่น การประยุกต์ใช้ AI Generative, ระบบ Cloud-native, Cybersecurity และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง (Advanced Analytics) รวมถึงพัฒนาบุคลากรในทักษะต่างๆ รวมถึงขยายความร่วมมือกับพันธมิตรเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อเสริมศักยภาพในการแข่งขัน ซึ่งเป็นการดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกในการกระจายความเสี่ยงของบริษัทฯ ให้สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน"