จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : HL โตสวนกระแสเศรษฐกิจ ร้านขายยาทางเลือกดูแลตัวเอง ลุยเปิดสาขาแตะ78 แห่งในสิ้นปีนี้
21 สิงหาคม 2568
ภายใต้สถานการณ์ที่เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะที่หนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับที่สูงเกือบ 90% จนกระทบต่อกำลังซื้อและการใช้จ่ายของประชาชน การประหยัดจึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการเจ็บไข้ได้ป่วยที่ไม่รุนแรง “การเลือกดูแลตัวเอง” โดยการซื้อยาจากร้ายขายยาที่มีความน่าเชื่อถือ เป็นสิ่งที่พบมากขึ้น

ขณะเดียวกันการใช้บริการในโรงพยาบาล ก็มีข้อจำกัดมากขึ้น เพราะประเทศไทยได้นำระบบร่วมจ่าย (Co-payment) มาปรับใช้ในระบบประกันสุขภาพแล้วอย่างเป็นทางการ โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ออกมาตรฐานใหม่ให้บริษัทประกันสามารถเสนอแผนความคุ้มครองสุขภาพแบบมีส่วนร่วมจ่ายได้ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคในการวางแผนประกันสุขภาพ
การใช้บริการในร้านขายยาที่มีมากขึ้น สะท้อนได้จากการเติบโตของผลการดำเนินงานของบมจ.เฮลท์ลีด (HL) ซึ่งในไตรมาส 2 ของปี 2568 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568) บริษัทมีกำไรสุทธิ 16.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.35 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11.72 ล้านบาท ส่วนรายได้รวม 557.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.06 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 472.09 ล้านบาท
ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HL “ธัชพล ชลวัฒนสกุล” ระบุ ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในไตรมาส 2 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมาจากรายได้จากการขายสินค้าแบ่งตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ยังเติบโตทุกกลุ่มเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มสินค้าสุขภาพสำหรับการใช้ภายนอกร่างกายยังคงมีอัตราการเติบโตสูงสุดที่ 26.80% สอดคล้องกับนโยบายระยะยาวของกลุ่มบริษัทในการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มสินค้าดังกล่าว
รองลงมาเป็นกลุ่มสินค้าอุปกรณ์การแพทย์และของใช้ในบ้านที่เติบโต 21.21% และกลุ่มสินค้าบริโภคเติบโต 18.76 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 และสินค้ากลุ่มอุปกรณ์การแพทย์และของใช้ภายในบ้านมีอัตราเพิ่มขึ้น 5.10% เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 ส่งผลให้ชุดตรวจหาเชื้อไวรัสมียอดขายเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน"
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/2568 กลุ่มบริษัทได้ขยายเครือข่ายร้านขายยา โดยเปิดสาขาใหม่จำนวน 3 สาขา ได้แก่ ฟาร์แมกซ์ สาขาอ่อนนุช พลาซ่า ไอแคร์ เดอะพาซิโอ พาร์ค กาญจนาภิเษก และซุปเปอร์ดรัก โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 กลุ่มบริษัทมีร้านขายยาเปิดให้บริการรวมทั้งสิ้น 67 สาขา ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งส่งผลต่อยอดขายและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปีนี้ ประเมินภาพรวมคาดว่าตลาดร้านขายยาจะดีกว่าครึ่งปีแรก บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ที่ 15-20% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยจะขยายสาขาเพิ่มอีก 11 แห่ง รวมเป็น 78 สาขาภายในสิ้นปีนี้
พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ทั้งในกลุ่มอาหารเสริมที่มีการเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึม (Bioavailability Enhancer), ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และสมุนไพรลดการสะสมเชื้อไวรัส ซึ่งได้รับรางวัลในเวทีระดับนานาชาติ รวมถึงการนำเข้าอุปกรณ์การแพทย์เพิ่มเติม อีกทั้งวางแผนจะเปิดตัวสินค้าใหม่กว่า 10 รายการ เช่น แชมพู สบู่ และเซรั่มบำรุงผิว สนับสนุนรายได้ของบริษัทให้เติบโตต่อเนื่อง
ทั้งนี้ HL ยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้า ด้วยสินค้ากว่า 10,000 รายการ ครอบคลุมทั้งยา เวชภัณฑ์ เวชสำอาง อาหารเสริม อุปกรณ์การแพทย์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ รองรับดีมานด์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ

ขณะเดียวกันการใช้บริการในโรงพยาบาล ก็มีข้อจำกัดมากขึ้น เพราะประเทศไทยได้นำระบบร่วมจ่าย (Co-payment) มาปรับใช้ในระบบประกันสุขภาพแล้วอย่างเป็นทางการ โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ออกมาตรฐานใหม่ให้บริษัทประกันสามารถเสนอแผนความคุ้มครองสุขภาพแบบมีส่วนร่วมจ่ายได้ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคในการวางแผนประกันสุขภาพ
การใช้บริการในร้านขายยาที่มีมากขึ้น สะท้อนได้จากการเติบโตของผลการดำเนินงานของบมจ.เฮลท์ลีด (HL) ซึ่งในไตรมาส 2 ของปี 2568 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568) บริษัทมีกำไรสุทธิ 16.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.35 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11.72 ล้านบาท ส่วนรายได้รวม 557.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.06 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 472.09 ล้านบาท
ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HL “ธัชพล ชลวัฒนสกุล” ระบุ ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในไตรมาส 2 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมาจากรายได้จากการขายสินค้าแบ่งตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ยังเติบโตทุกกลุ่มเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มสินค้าสุขภาพสำหรับการใช้ภายนอกร่างกายยังคงมีอัตราการเติบโตสูงสุดที่ 26.80% สอดคล้องกับนโยบายระยะยาวของกลุ่มบริษัทในการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มสินค้าดังกล่าว
รองลงมาเป็นกลุ่มสินค้าอุปกรณ์การแพทย์และของใช้ในบ้านที่เติบโต 21.21% และกลุ่มสินค้าบริโภคเติบโต 18.76 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 และสินค้ากลุ่มอุปกรณ์การแพทย์และของใช้ภายในบ้านมีอัตราเพิ่มขึ้น 5.10% เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 ส่งผลให้ชุดตรวจหาเชื้อไวรัสมียอดขายเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน"
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/2568 กลุ่มบริษัทได้ขยายเครือข่ายร้านขายยา โดยเปิดสาขาใหม่จำนวน 3 สาขา ได้แก่ ฟาร์แมกซ์ สาขาอ่อนนุช พลาซ่า ไอแคร์ เดอะพาซิโอ พาร์ค กาญจนาภิเษก และซุปเปอร์ดรัก โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 กลุ่มบริษัทมีร้านขายยาเปิดให้บริการรวมทั้งสิ้น 67 สาขา ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งส่งผลต่อยอดขายและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปีนี้ ประเมินภาพรวมคาดว่าตลาดร้านขายยาจะดีกว่าครึ่งปีแรก บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ที่ 15-20% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยจะขยายสาขาเพิ่มอีก 11 แห่ง รวมเป็น 78 สาขาภายในสิ้นปีนี้
พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ทั้งในกลุ่มอาหารเสริมที่มีการเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึม (Bioavailability Enhancer), ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และสมุนไพรลดการสะสมเชื้อไวรัส ซึ่งได้รับรางวัลในเวทีระดับนานาชาติ รวมถึงการนำเข้าอุปกรณ์การแพทย์เพิ่มเติม อีกทั้งวางแผนจะเปิดตัวสินค้าใหม่กว่า 10 รายการ เช่น แชมพู สบู่ และเซรั่มบำรุงผิว สนับสนุนรายได้ของบริษัทให้เติบโตต่อเนื่อง
ทั้งนี้ HL ยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้า ด้วยสินค้ากว่า 10,000 รายการ ครอบคลุมทั้งยา เวชภัณฑ์ เวชสำอาง อาหารเสริม อุปกรณ์การแพทย์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ รองรับดีมานด์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ