Smart Investment
ทองคำ อนาคตไกล! 5 แบงก์ยักษ์คาดทะลุ $4,000 แรงหนุนดอกเบี้ยขาลง–ธนาคารกลางแห่ตุน ครึ่งหลังปี 68–69 โอกาสขาขึ้นยังสดใส
17 สิงหาคม 2568
Ausiris เผยมุมมองราคาทองคำจาก 5 ธนาคารระดับโลก ประเมินทิศทางบวกชัดเจน ในครึ่งหลังปี 68 ต่อเนื่องปี 69 ได้แรงหนุนจากดอกเบี้ยขาลง การซื้อทองจากธนาคารกลาง และความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ แนะนักลงทุนทยอยสะสม “ซื้อช่วงย่อ” เพื่อรับโอกาสในระยะกลาง–ยาว

Ausiris Next Gold Investment รวบรวมมุมมองราคาทองคำจาก 5 สถาบันการเงินชั้นนำของโลก ซึ่งสะท้อนภาพรวมตลาดทองคำที่ยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของปี 68 ต่อเนื่องไปถึงปี 69
ส่องเป้าหมายราคาทอง
Bank of America ตั้งเป้าหมายราคาทองคำที่ 4,000 ดอลลาร์/ออนซ์ มองได้แรงหนุนจากนโยบายการเงินผ่อนคลายทั่วโลก ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และการซื้อทองของธนาคารกลาง
Citi ประเมินเป้าหมาย 3,500 ดอลลาร์/ออนซ์ คาด Fed เริ่มลดดอกเบี้ย ทำให้ดอลลาร์อ่อนและทองน่าสนใจขึ้นGoldman Sachs และ UBS ให้เป้าหมายเท่ากันที่ 3,700 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยมองว่าความต้องการทองจากภาคอุตสาหกรรมและนักลงทุนสถาบันยังสูง ขณะที่ธนาคารกลางซื้อทองต่อเนื่อง JP Morgan ให้ราคาเป้าหมาย 3,675 ดอลลาร์/ออนซ์ เน้นปัจจัยอุปสงค์จากนักลงทุนรายใหญ่และความผันผวนในตลาดหุ้น
ปัจจัยบวก หนุนราคาทะยาน!
ปัจจัยบวก ที่สนับสนุนการปรับขึ้น ได้แก่ นโยบายดอกเบี้ยขาลงของ Fed ลดต้นทุนถือทองและทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทำให้ทองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย การซื้อทองของธนาคารกลางทั่วโลกต่อเนื่อง เงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
ปัจจัยลบ กดดันราคาผันผวน
ปัจจัยลบ ที่ควรจับตา คือ Fed กลับมาขึ้นดอกเบี้ย ดอลลาร์แข็งค่า การยุติความขัดแย้งสำคัญ และแรงขายทำกำไรเมื่อราคาทองปรับขึ้นแรง
แนะกลยุทธ์ “Buy the Dip”
ส่วนกลยุทธ์การลงทุน นักลงทุนควรติดตามปัจจัยมหภาคและนโยบายการเงินอย่างใกล้ชิด พร้อมใช้กลยุทธ์ “Buy the Dip” หรือทยอยสะสมเมื่อราคาย่อตัว เพื่อสร้างพอร์ตทองคำสำหรับการลงทุนระยะกลางถึงยาวในรอบขาขึ้น
คาดเฟดหั่นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้
ขณะที่ MTS GOLD ระบุว่า Goldman Sachs คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งละ 0.25% ทั้งหมด 3 ครั้ง ในปีนี้ และอีก 2 ครั้งในปี 69 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยขั้นสุดท้ายลดลงจากปัจจุบันที่ 4.25% - 4.50% มาอยู่ที่ระดับ 3% - 3.25%

Ausiris Next Gold Investment รวบรวมมุมมองราคาทองคำจาก 5 สถาบันการเงินชั้นนำของโลก ซึ่งสะท้อนภาพรวมตลาดทองคำที่ยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของปี 68 ต่อเนื่องไปถึงปี 69
ส่องเป้าหมายราคาทอง
Bank of America ตั้งเป้าหมายราคาทองคำที่ 4,000 ดอลลาร์/ออนซ์ มองได้แรงหนุนจากนโยบายการเงินผ่อนคลายทั่วโลก ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และการซื้อทองของธนาคารกลาง
Citi ประเมินเป้าหมาย 3,500 ดอลลาร์/ออนซ์ คาด Fed เริ่มลดดอกเบี้ย ทำให้ดอลลาร์อ่อนและทองน่าสนใจขึ้นGoldman Sachs และ UBS ให้เป้าหมายเท่ากันที่ 3,700 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยมองว่าความต้องการทองจากภาคอุตสาหกรรมและนักลงทุนสถาบันยังสูง ขณะที่ธนาคารกลางซื้อทองต่อเนื่อง JP Morgan ให้ราคาเป้าหมาย 3,675 ดอลลาร์/ออนซ์ เน้นปัจจัยอุปสงค์จากนักลงทุนรายใหญ่และความผันผวนในตลาดหุ้น
ปัจจัยบวก หนุนราคาทะยาน!
ปัจจัยบวก ที่สนับสนุนการปรับขึ้น ได้แก่ นโยบายดอกเบี้ยขาลงของ Fed ลดต้นทุนถือทองและทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทำให้ทองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย การซื้อทองของธนาคารกลางทั่วโลกต่อเนื่อง เงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
ปัจจัยลบ กดดันราคาผันผวน
ปัจจัยลบ ที่ควรจับตา คือ Fed กลับมาขึ้นดอกเบี้ย ดอลลาร์แข็งค่า การยุติความขัดแย้งสำคัญ และแรงขายทำกำไรเมื่อราคาทองปรับขึ้นแรง
แนะกลยุทธ์ “Buy the Dip”
ส่วนกลยุทธ์การลงทุน นักลงทุนควรติดตามปัจจัยมหภาคและนโยบายการเงินอย่างใกล้ชิด พร้อมใช้กลยุทธ์ “Buy the Dip” หรือทยอยสะสมเมื่อราคาย่อตัว เพื่อสร้างพอร์ตทองคำสำหรับการลงทุนระยะกลางถึงยาวในรอบขาขึ้น
คาดเฟดหั่นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้
ขณะที่ MTS GOLD ระบุว่า Goldman Sachs คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งละ 0.25% ทั้งหมด 3 ครั้ง ในปีนี้ และอีก 2 ครั้งในปี 69 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยขั้นสุดท้ายลดลงจากปัจจุบันที่ 4.25% - 4.50% มาอยู่ที่ระดับ 3% - 3.25%
