รายงานพิเศษ : DMT เดินหน้า 7 กลยุทธ์ รับมือความผันผวน ขับเคลื่อนธุรกิจเติบโตยั่งยืน ผลักดันรายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นกว่า 10%

ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจและปัจจัยท้าทายที่มีอย่างต่อเนื่องทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ การสร้างแหล่งรายได้ที่มาจากหลายทาง ย่อมส่งผลดีต่อธุรกิจ และสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของผู้บริหารบมจ.ทางยกระดับดอนเมือง (DMT) ที่สร้างความยั่งยืนของรายได้ผ่าน 7 กลยุทธ์ 



สะท้อนจากผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 2/2568 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568)  ที่มีรายได้จากค่าผ่านทาง และ จากการให้บริการซ่อมโครงสร้างพื้นฐานและขายสินค้าที่เกี่ยวข้อง จำนวนรวม 626.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.13 ล้านบาท หรือ 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 240.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.86 ล้านบาท หรือ 2% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน  ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/68 มีปริมาณจราจรเฉลี่ยต่อวันรวมอยู่ที่ 101,404 คัน

ซึ่ง ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ (DMT)  มั่นใจว่า บริษัทยังคงรักษาเป้าหมายรายได้และกำไรได้ตามแผนท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจและปัจจัยภายนอก  สะท้อนถึงความแข็งแกร่งในการบริหารต้นทุน การขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด และการดำเนินกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนในระยะยาว โดยบริษัทฯ มั่นใจว่า รายได้รวมในปี 2568 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 3/68 บริษัทฯ คาดว่าจะยังรักษาระดับรายได้ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน โดยยังคงมีแรงหนุนจากการเดินทาง และการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่การเดินหน้าธุรกิจใหม่ด้านวิศวกรรมและระบบจราจรโดยบริษัทย่อย เริ่มมีบทบาทเสริมรายได้ในระยะยาว

สำหรับการรับมือกับความผันผวนที่เกิดขึ้น  DMT ได้เตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น ด้วยการดำเนินธุรกิจตาม 7 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ 

1.การพัฒนาและบำรุงรักษาทางที่มีประสิทธิภาพสูง 

2.การเติบโตไปพร้อมพันธมิตร 

3.การขยายรายได้ที่ไม่ใช่ค่าผ่านทาง 

4.การนำ ESG เข้าสู่กระบวนการดำเนินงาน

5. การสร้าง Smart Working Place 

6.การจัดการห่วงโซ่อุปทาน 

7.การสร้างความเชื่อมั่นผ่านการรับรู้แบรนด์ (DMT Excellence Recognition)  

ส่วนการเดินทางท่องเที่ยวที่เป็นรายได้สำคัญของ DMT ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการสนับสนุนของภาครัฐ ผ่านโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง  โดยนางสาวฐาปนีย์  เกียรติไพบูลย์  ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่าโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งนับว่ามีส่วนสำคัญในการกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงวันหยุด  พบว่าจะมีผู้เดินทางใช้สิทธิ์ระหว่างวันที่ 9 - 12 สิงหาคม 2568 จำนวน 46,732 สิทธิ์ แบ่งเป็นเมืองหลัก 30,503 สิทธิ์  

ทั้งนี้ ททท. ดำเนินโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งเพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ สร้างรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวในช่วง Green Season โดยเริ่มต้นโครงการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ประชาชนได้มีการใช้สิทธิ์การจองที่พักสำหรับเมืองท่องเที่ยวหลักเต็มจำนวน 300,000 สิทธิ์แล้วจึงได้ปิดการจองที่พักสำหรับเมืองท่องเที่ยวหลัก

อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังสามารถลงทะเบียนและเข้าร่วมโครงการเพื่อใช้สิทธิ์จองที่พักในเมืองน่าเที่ยวที่ยังคงมีจำนวนสิทธิ์คงเหลือกว่า 80,000 สิทธิ์ และสามารถเดินทางใช้สิทธิ์ใน 55 จังหวัดทั่วประเทศไทย