รายงานพิเศษ : TGE รายได้เติบโตแข็งแกร่ง รับผลพลอยได้พลังงานสีเขียว ซื้อขายคาร์บอนเครดิต
การซื้อขาย“คาร์บอนเครดิต” เป็นผลพลอยได้จากการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดที่กำลังเติบโตและได้รับความสนใจจากบริษัทต่างๆ โดยเฉพาะบริษัทที่สร้างมลพิษให้กับโลก แต่เป็นช่องทางในการสร้างรายได้ที่โดดเด่นของบมจ.ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ (TGE) ในฐานะผู้ผลิตคาร์บอนเครดิต
นางณัฐริกา วายุภาพ นิติพน รองผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ระบุว่า องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. หรือ TGO ได้ดำเนินการสำรวจสถานการณ์ตลาดคาร์บอนประเทศไทยในปัจจุบันและภายใน 5 ปีข้างหน้า เพื่อรวบรวม วิเคราะห์ และคาดการณ์ปริมาณความต้องการคาร์บอนเครดิต (Market demand) และปริมาณคาร์บอนเครดิตที่จะเข้าสู่ตลาด (Market supply)
รวมถึงศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการซื้อขายคาร์บอนเครดิต เพื่อส่งเสริมและผลักดันการพัฒนาตลาดซื้อขายคาร์บอนประเทศไทย ให้ทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ผู้ประกอบการภาคเอกชน รวมถึงประชาชนทั่วไป เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน
ซึ่งพบว่า ตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจ (VCM) เป็นกลไกเชิงนโยบายที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจกในต้นทุนที่เหมาะสม และสร้างความยืดหยุ่นแก่ภาคส่วนต่าง ๆ ในการดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเป็นกลไกที่เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจและองค์กรต่าง ๆ สามารถมีส่วนร่วมในการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างสมัครใจ
ทั้งนี้ ตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจของประเทศไทยอยู่ในระยะเริ่มต้นของการพัฒนานโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและตลาดคาร์บอน โดยผลการสำรวจสะท้อนว่า ภาคเอกชนไทยเริ่มตื่นตัวต่อโอกาสทางธุรกิจจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ยังมีความกังวลต่อความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่าน และขาดความเข้าใจในผลกระทบทางกายภาพ ขณะเดียวกัน หลายองค์กรยังต้องการเวลาในการเตรียมความพร้อมต่อข้อกำหนดใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนาเครื่องมือและสร้างความรู้พื้นฐาน
ความสนใจในตลาดคาร์บอนเครดิตกำลังขยายตัว โดยเฉพาะในกลุ่มองค์กรที่ต้องการเตรียมความพร้อมตามนโยบายภาครัฐและเป้าหมายองค์กร แต่ตลาดยังมีความไม่แน่นอน ทั้งด้านพฤติกรรมการซื้อขาย ราคาคาร์บอน และมาตรฐานที่เลือกใช้ ซึ่งสะท้อนข้อจำกัดเชิงโครงสร้าง อาทิ ความรู้ที่ถูกต้อง งบประมาณจำกัด และการขาดระบบราคาที่น่าเชื่อถือ สำหรับด้านอุปทาน แม้มีการพัฒนาโครงการภายใต้มาตรฐาน T-VER อย่างต่อเนื่อง แต่ปริมาณการยกเลิกคาร์บอนเครดิตยังอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนภาวะอุปทานล้นตลาดและกลไกตลาดที่ไม่สมดุล
ดังนั้นจะต้องยกระดับมาตรฐาน T-VER ให้ได้รับการยอมรับในระดับสากล การจัดตั้งแพลตฟอร์มซื้อขายที่โปร่งใส และการสนับสนุนด้านการเงินและองค์ความรู้
รวมถึงการสร้างแรงจูงใจทางเศรษฐกิจ เพื่อมีเป้าหมายให้ภาคเอกชนลงทุนในดำเนินงานด้านคาร์บอนเครดิต การผลักดันมาตรฐานสู่ระดับสากลเพื่อให้ตลาดกว้างขวางขึ้น และการพัฒนาตลาดให้เข้าถึงได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อวางรากฐานให้ตลาดคาร์บอนของไทยสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนและสามารถแข่งขันได้ในระดับสากลต่อไป
ทั้งนี้ TGO ยังได้เปิดตัวแพลตฟอร์มการซื้อขายคาร์บอนเครดิต "TGO Showroom" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายในรูปแบบ Carbon Credit Marketplace ที่สะดวก รวดเร็ว และรองรับระบบการชำระเงินหลากหลายรูปแบบโดยแพลตฟอร์มนี้จะเชื่อมโยงระบบทะเบียนคาร์บอนด์เครดิต เข้าถึงการซื้อขายได้ง่าย โปร่งใส สะดวก ตรวจสอบและเปรียบเทียบได้ ทั้งนี้ พร้อมเปิดใช้งาน web-based Application ในเดือน ก.ย.68 และพร้อมเปิดใช้งานผ่าน Mobile Application ในเดือน ธ.ค.68
การพัฒนาตลาดคาร์บอนเครดิตให้ได้รับยอมรับมากขึ้น จะส่งผลดีต่อทุกภาคส่วนของไทยในอนาคต รวมทั้ง บมจ.ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ (TGE) ที่ได้รับมอบประกาศนียบัตรเครื่องหมายรับรองฉลากคาร์บอนขององค์กร (Carbon Footprint for Organization: CFO) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO)
โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TGE “สืบตระกูล บินเทพ” เชื่อว่า รางวัลนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ TGE ในการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) เพื่อมุ่งสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
ซึ่งปัจจุบัน TGE มีปริมาณคาร์บอนเครดิตสะสม 223,423 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCo2e) และใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (I-REC) จำนวน 116,835 เมกะวัตต์-ชั่วโมง (MWh) ตอกย้ำศักยภาพขององค์กรในการขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ