"ประกันสังคม-วายุภักษ์" รับเต็มทรัพย์ก้อนโต หลัง SCC-BH แจกปันผลครึ่งปี

ตามที่บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) SCC ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 2.50 บาทโดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 14 ส.ค. 2568 และวันที่จ่ายปันผลวันที่ 28 ส.ค. 2568

ขณะเดียวกัน บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) BH ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 2 บาท ขณะที่วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date)วันที่ 15 ส.ค. 2568 และวันที่จ่ายปันผลวันที่ 29 ส.ค. 2568

ทั้งนี้จากการสำรวจข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้นของ SCC พบว่า สำนักงานประกันสังคม ถือหุ้น จำนวน 66,353,450 หุ้น คิดเป็น 5.53% และกองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง ถือหุ้น จำนวน  14,510,400 หุ้น คิดเป็น 1.21%

โครงสร้างผู้ถือหุ้นของหุ้น BH พบว่าสำนักงานประกันสังคม ถือหุ้น19,145,900 คิดเป็น 2.41% และกองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง ถือหุ้น จำนวน 17,475,300 หุ้นคิดเป็น 2.20%

เมื่อนำมาคำนวณกับอัตราเงินปันผลที่ได้รับแต่ละบริษัท จะมีดังนี้

หุ้น BH สำนักงานประกันสังคม ได้รับเงินมูลค่า  38,291,800.00 บาท  กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง 34,950,600.00 บาท

หุ้น SCC สำนักงานประกันสังคมได้รับเงินมูลค่า 165,883,625.00 บาท  กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง 36,276,000.00 บาท 

บล.ฟินันเซียไซรัส ประเมินว่า SCC กำไรสุทธิไตรมาส 2/68 ที่ 1.73 หมื่นล้านบาท เป็นรายการพิเศษ 1.42 หมื่นลบ. หากตัดรายการพิเศษออก จะเป็นกำไรปกติ 3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 160% จากตารมาสก่อน แต่ลดลง 10% จากปีก่อน ดีกว่าคาด 12% รายการพิเศษส่วนใหญ่มาจากกำไรจากการปรับโครงสร้างที่เกี่ยวกับ PT Chandra Asri Pacific (CAP) 1.67 หมื่นล้านบาท

ขณะเดียวกันกำไรปกติที่ฟื้นตัวแรงจากตารมาสก่อน มาจากได้รับเงินปันผลจากการลงทุนในบริษัทต่างๆ ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ SCGP และธุรกิจซีเมนต์ ส่วนธุรกิจเคมีคอล (SCGC) แม้ว่าจะยังมี Supply ใหม่เพิ่ม แต่ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงก็ช่วยให้ Spread ของผลิตภัณฑ์ดีขึ้น ในส่วนของโรงงาน LSP ที่เวียดนามมีผลขาดทุน 3 พันล้านบาท จากค่าเสื่อมและดอกเบี้ยจ่าย หากตัดกำไรพิเศษจาก CAP ผลขาดทุนของ LSP และรายจ่ายปรับโครงสร้าง

ไตรมาสนี้ SCGC จะมีกำไรปกติ 745 ล้านบาท. งวดครึ่งแรกปี 68 SCC มีกำไรปกติ 4.26 พันลบ. ลดลง12% จากปีก่อน แต่มี EBITDA แข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อน ฐานะการเงินแข็งแรง จ่ายปันผล 2.50 บาท/หุ้น XD 13 ส.ค. ยังแนะนำ “ซื้อ”

ด้านBH ยังคงเผชิญความท้าทายจากปริมาณคนไข้ต่างชาติที่บินเข้ามารักษาลดลง, การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น และภาวะเศรษฐกิจไทยชะลอตัว ส่งผลต่อรายได้เฉลี่ยต่อหัวคนไข้ เราคาดปริมาณคนไข้ทั้ง OPD และ IPD จะลดลง 5% จากปีก่อน ในปี 68 และกลับมาเติบโตราว 2–3% ในปี 68-70

คาดกำไรปกติปี 68 ลดลง 9% ขณะที่ปี 69-70 BH รายงานกำไรสูทธิไตรมาส 2/68 ที่ 1.85 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น7% จากไตรมาสก่อน, ลดลง 4% จากปีก่อน ดีกว่าคาด 9% จาก EBITDA margin ที่ดีกว่าคาด อย่างไรก็ตามโดยแนวโน้ม NPM และ ROE จะเป็นทิศทางขาลง มูลค่าหุ้นมีอัพไซด์จำกัด ราคาเป้าหมาย 160 บาท ปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ”