Talk of The Town

เปิดกลยุทธ์เทรด “หุ้นไฟแนนซ์” โบรกฯ ชี้ราคายังมีอัพไซด์ 13% แนะหาจังหวะทำกำไร ก่อน sell on fact


30 กรกฎาคม 2568

เปิดกลยุทธ์เทรดหุ้นกลุ่มการเงิน ท่ามกลางดอกเบี้ยขาลง นักวิเคราะห์มองราคาหุ้นกลุ่มการเงินมักจะให้ผลตอบแทนดีกว่าดัชนี SET ในช่วงก่อนที่จะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ชี้ราคาหุ้นกลุ่มนี้ยังมีอัพไซด์อีกราว 13% ก่อนที่อาจจะเกิดการ sell-on-fact

เปิดกลยุทธ์เทรด “หุ้นไฟแนนซ์”_S2T (เว็บ)_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ดัชนี
SET ปรับตัวขึ้น 17% นับตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. 2568 (สูงกว่าดัชนี SETFIN ราว 5%) จากคาดการณ์รัฐบาลไทยจะสามารถตกลงกับสหรัฐฯ ในการตั้งอัตราภาษีนำเข้าไว้ที่ 20% (ใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน) และคาดการณ์ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ คุณวิทัย รัตนากร จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเร็วขึ้น

โดยมองว่าแนวโน้มของกลุ่มการเงินรายย่อยในครึ่งหลังของปี 2568 ยังอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม มุมมองเชิงกลยุทธ์บ่งชี้ว่าราคาหุ้นในกลุ่มนี้อาจมีอัพไซด์อีกราว 13% ก่อนที่จะเผชิญ sell-on-fact ดังนั้น หากราคาหุ้นของ KTC ปรับเพิ่มขึ้นไปที่ 32 บาท MTC ไปที่ 45 บาท SAWAD ขึ้นไปที่ 21.70 บาท และ TIDLOR ปรับขึ้นไปที่ 19 บาท บาท มองว่าจะเป็นจังหวะที่ดีในการขายทำกำไร

จากการศึกษาข้อมูลในอดีต พบว่า ราคาหุ้นกลุ่มการเงินมักจะให้ผลตอบแทนดีกว่าดัชนี SET ในช่วงก่อนที่จะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยคาดเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2568 สำหรับดัชนี SET อยู่ที่ 1,280 จุด มีอัพไซด์ราว 4% จากระดับปัจจุบัน

ทั้งนี้คาดว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.50% ก่อนสิ้นปี 2568 แต่ไม่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับลดเร็วกว่า หรือแรงกว่าที่คาดไว้ภายใต้การบริหารของผู้ว่าการธปท. คนใหม่ เนื่องจากวาระของคุณวิทัยจะเริ่มต้นในวันที่ 1 ต.ค. 2568 ซึ่งจะมีการประชุม กนง. เหลือเพียง 2 ครั้งก่อนสิ้นปี (8 ต.ค. และ 17 ธ.ค.)

นอกจากนี้ คุณวิทัยเป็นเพียงหนึ่งในคณะกรรมการทั้งเจ็ดคน หากจะมีการปรับลดดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด จำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากคณะกรรมการอย่างน้อยอีกสามคน

อย่างไรก็ตาม พบว่า ราคาหุ้นกลุ่มการเงินโดยเฉลี่ยมักจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนี SET ราว 9% ในช่วง 3 เดือนก่อนการปรับลดดอกเบี้ย และมักจะให้ผลตอบแทนน้อยกว่า SET หลังจากการปรับลดดอกเบี้ยไปแล้ว ดังนั้น จึงมองว่าหุ้นในกลุ่มการเงินรายย่อยที่ให้คำแนะนำยังมีอัพไซด์เพิ่มเติมประมาณ 13%

โดยคาดรีบาวด์ทางเทคนิคก่อนเกิด sell-on-fact ซึ่งข้อมูลในอดีตยังแสดงให้เห็นว่า ในช่วงไตรมาส 4/65 ถึงไตรมาส 1/66 ซึ่งเป็นช่วงที่กำไรของ MTC ชะลอตัว (และอัตราส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อเพิ่มขึ้น ซึ่งคล้ายกับแนวโน้มครึ่งหลังของปี 2568 ของกลุ่มการเงินรายย่อยที่ให้คำแนะนำ) หุ้นซื้อขายอยู่ที่ PBV/ROE ต่ำสุดที่ระดับ 0.14 เท่าในไตรมาส 4/65 ก่อนที่ PBV/ROE จะรีบาวด์ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 0.19 เท่าในไตรมาส 1/66 (ให้ผลตอบแทน 36%) ก่อนจะปรับตัวลดลงอีกครั้งในไตรมาส 2/66

จากการศึกษาข้อมูลในอดีตดังกล่าว มองว่าราคาหุ้นในกลุ่มการเงินรายย่อย ที่ให้คำแนะนำมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ราว 36% จากจุดต่ำสุดในเดือนที่ผ่านมา