เปิดกลยุทธ์เทรด “หุ้นไฟแนนซ์” โบรกฯ ชี้ราคายังมีอัพไซด์ 13% แนะหาจังหวะทำกำไร ก่อน sell on fact
เปิดกลยุทธ์เทรดหุ้นกลุ่มการเงิน ท่ามกลางดอกเบี้ยขาลง นักวิเคราะห์มองราคาหุ้นกลุ่มการเงินมักจะให้ผลตอบแทนดีกว่าดัชนี SET ในช่วงก่อนที่จะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ชี้ราคาหุ้นกลุ่มนี้ยังมีอัพไซด์อีกราว 13% ก่อนที่อาจจะเกิดการ sell-on-fact
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ดัชนี SET ปรับตัวขึ้น 17% นับตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. 2568 (สูงกว่าดัชนี SETFIN ราว 5%) จากคาดการณ์รัฐบาลไทยจะสามารถตกลงกับสหรัฐฯ ในการตั้งอัตราภาษีนำเข้าไว้ที่ 20% (ใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน) และคาดการณ์ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ คุณวิทัย รัตนากร จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเร็วขึ้น
โดยมองว่าแนวโน้มของกลุ่มการเงินรายย่อยในครึ่งหลังของปี 2568 ยังอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม มุมมองเชิงกลยุทธ์บ่งชี้ว่าราคาหุ้นในกลุ่มนี้อาจมีอัพไซด์อีกราว 13% ก่อนที่จะเผชิญ sell-on-fact ดังนั้น หากราคาหุ้นของ KTC ปรับเพิ่มขึ้นไปที่ 32 บาท MTC ไปที่ 45 บาท SAWAD ขึ้นไปที่ 21.70 บาท และ TIDLOR ปรับขึ้นไปที่ 19 บาท บาท มองว่าจะเป็นจังหวะที่ดีในการขายทำกำไร
จากการศึกษาข้อมูลในอดีต พบว่า ราคาหุ้นกลุ่มการเงินมักจะให้ผลตอบแทนดีกว่าดัชนี SET ในช่วงก่อนที่จะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยคาดเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2568 สำหรับดัชนี SET อยู่ที่ 1,280 จุด มีอัพไซด์ราว 4% จากระดับปัจจุบัน
ทั้งนี้คาดว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.50% ก่อนสิ้นปี 2568 แต่ไม่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับลดเร็วกว่า หรือแรงกว่าที่คาดไว้ภายใต้การบริหารของผู้ว่าการธปท. คนใหม่ เนื่องจากวาระของคุณวิทัยจะเริ่มต้นในวันที่ 1 ต.ค. 2568 ซึ่งจะมีการประชุม กนง. เหลือเพียง 2 ครั้งก่อนสิ้นปี (8 ต.ค. และ 17 ธ.ค.)
นอกจากนี้ คุณวิทัยเป็นเพียงหนึ่งในคณะกรรมการทั้งเจ็ดคน หากจะมีการปรับลดดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด จำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากคณะกรรมการอย่างน้อยอีกสามคน
อย่างไรก็ตาม พบว่า ราคาหุ้นกลุ่มการเงินโดยเฉลี่ยมักจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนี SET ราว 9% ในช่วง 3 เดือนก่อนการปรับลดดอกเบี้ย และมักจะให้ผลตอบแทนน้อยกว่า SET หลังจากการปรับลดดอกเบี้ยไปแล้ว ดังนั้น จึงมองว่าหุ้นในกลุ่มการเงินรายย่อยที่ให้คำแนะนำยังมีอัพไซด์เพิ่มเติมประมาณ 13%
โดยคาดรีบาวด์ทางเทคนิคก่อนเกิด sell-on-fact ซึ่งข้อมูลในอดีตยังแสดงให้เห็นว่า ในช่วงไตรมาส 4/65 ถึงไตรมาส 1/66 ซึ่งเป็นช่วงที่กำไรของ MTC ชะลอตัว (และอัตราส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อเพิ่มขึ้น ซึ่งคล้ายกับแนวโน้มครึ่งหลังของปี 2568 ของกลุ่มการเงินรายย่อยที่ให้คำแนะนำ) หุ้นซื้อขายอยู่ที่ PBV/ROE ต่ำสุดที่ระดับ 0.14 เท่าในไตรมาส 4/65 ก่อนที่ PBV/ROE จะรีบาวด์ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 0.19 เท่าในไตรมาส 1/66 (ให้ผลตอบแทน 36%) ก่อนจะปรับตัวลดลงอีกครั้งในไตรมาส 2/66
จากการศึกษาข้อมูลในอดีตดังกล่าว มองว่าราคาหุ้นในกลุ่มการเงินรายย่อย ที่ให้คำแนะนำมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ราว 36% จากจุดต่ำสุดในเดือนที่ผ่านมา
ยอดนิยม
%20copy_0.jpg)
SCC แจกหนัก! ปันผลกลางปี 2.5 บาท คิดเป็น 92% ของกำไร หลัง Q2 ฟันกำไร 1.7 หมื่นล้าน โต 368%
%20copy_0.jpg)
BH เผยกำไรครึ่งปีลดลง 8.3% เหตุรายได้ผู้ป่วยต่างชาติ-ไทยหด บอร์ดเคาะปันผลระหว่างกาล 2 บาท
%20copy_0.jpg)
สื่อนอกตีข่าว! สหรัฐฯ ปิดดีลภาษีกับไทยแล้ว โบรกฯ ชี้เป็น Sentiment บวกต่อ SET
%20copy_0.jpg)
หุ้นไทยวิ่งแรง แต่เสี่ยงสะดุด! จับตา 1 ส.ค.นี้ ทางรอด-ร่วง ภาษีทรัมป์ชี้ชะตา SET Index
%20copy_0.jpg)