5 แบงก์ไตรมาส 2/68 กำไรหด! SMEs-รายย่อยยังเปราะ ตั้งสำรองล่วงหน้า ครึ่งหลังปีนี้ จับตาหนี้เสีย-ดีมานด์สินเชื่อ
สัปดาห์นี้ Mr.Data ชวนมาวิเคราะห์เจาะลึก! หลังธนาคารพาณิชย์ไทยประกาศงบไตรมาส 2/68 ซึ่งเผยให้เห็นสัญญาณที่น่ากังวลชัดเจน
...หลายแห่งรายงานกำไรสุทธิที่ลดลง จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลสะท้อนตรงจาก "ความเปราะบางทางเศรษฐกิจ" โดยเฉพาะลูกค้าวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (SMEs) และลูกค้ารายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพสูง หนี้ครัวเรือน และกำลังซื้อที่หดตัว
CIMBT ดิ่งแรงสุด กำไรทรุด 74%
โดนหนี้เสีย-รายได้ค่าธรรมเนียมหด
หนึ่งในกรณีที่น่าตกใจที่สุดคือ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) ซึ่งรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 ลดลงถึง 73.84% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และลดลงกว่า 21.8% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
การลดลงอย่างรุนแรงนี้ บ่งชี้ว่าคุณภาพสินเชื่อของธนาคารอาจถดถอยอย่างหนัก โดยเฉพาะในกลุ่มลูกหนี้รายใหญ่ หรือธุรกิจบางกลุ่มที่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ต้องตั้งสำรองหนี้เสีย (ECL) ในระดับสูง
ขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย เช่น ค่าธรรมเนียม หรือรายได้จากตลาดทุน ก็อาจลดลงตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ซบเซา การพึ่งพาฐานลูกค้าที่กระจุกตัวในกลุ่ม Corporate และ SMEs มากเกินไป อาจเป็นอีกปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผลประกอบการของ CIMBT ได้รับผลกระทบมากกว่าคู่แข่ง
TTB และ TISCO กำไรลดระดับกลาง
เจอแรงกระแทกสินเชื่อรายย่อย-ตลาดรถยนต์
ในขณะที่ ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) รายงานกำไรลดลง 7.2% ในไตรมาส 2 และ 6.2% ในครึ่งปีแรก ส่วน ธนาคารทิสโก้ (TISCO) ลดลงในระดับใกล้เคียงกันที่ 6.25%
TTB ซึ่งมีจุดแข็งในตลาดสินเชื่อรายย่อย เช่น สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อบุคคล อาจได้รับผลกระทบจาก การแข่งขันสูงและการตั้งสำรอง NPLs ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอาจถูกกดดันจากโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้าและต้นทุนเงินทุนที่สูงขึ้น
ด้าน TISCO ซึ่งมีจุดเด่นด้าน สินเชื่อเช่าซื้อและจำนำทะเบียนรถยนต์ (สมหวัง เงินสั่งได้) สะท้อนความอ่อนแรงในตลาดรถยนต์ชัดเจน โดยทั้งความต้องการและคุณภาพหนี้ในกลุ่มลูกค้าเปราะบางเริ่มน่ากังวล ขณะที่ต้นทุนบริหาร NPLs ก็เพิ่มขึ้นตามความจำเป็น
แบงก์ใหญ่ KTB-KBANK ยังโดน
แต่รับแรงกระแทกได้ดีกว่า
ธนาคารกรุงไทย (KTB) และ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ซึ่งถือเป็นแบงก์ใหญ่ของประเทศ แม้จะมีกำไรลดลงเช่นกัน แต่ก็อยู่ในระดับที่ ประคับประคองได้ โดย KTB มีกำไร Q2/68 ลดลง 5.7% และ KBANK ลดลง 3.16%
การลดลงของ KTB สะท้อนแรงเสียดทานจาก กลุ่มลูกค้า SMEs และรายย่อยที่เป็นฐานสำคัญของธนาคารรัฐ ที่อาจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจซบเซาและหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง ทำให้ต้องตั้งสำรองเพิ่มเพื่อรองรับความเสี่ยง
ส่วน KBANK ที่เน้นลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ทั้งธุรกิจขนาดใหญ่ รายย่อย และ SMEs ยังสามารถรักษากำไรได้ค่อนข้างนิ่ง การลงทุนอย่างต่อเนื่องในเทคโนโลยีและ Digital Banking แม้จะเพิ่มต้นทุนบางส่วน แต่ก็ช่วยสร้างฐานลูกค้าที่มีความยืดหยุ่นและความภักดีสูงขึ้น
ภาพสะท้อนเศรษฐกิจ
SMEs-รายย่อยบอบบาง
แนวโน้มกำไรที่ลดลงในหลายธนาคาร ชี้ให้เห็นภาพเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะในระดับฐานราก ครัวเรือน มีภาระหนี้สูง ส่งผลต่อความสามารถในการใช้จ่ายและกู้ยืมใหม่ SMEs ยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนทั้งด้านต้นทุนและรายได้ ความไม่มั่นใจของผู้บริโภคทำให้การบริโภคและการลงทุนยังชะลอตัว การตั้งสำรอง NPLs ที่เพิ่มขึ้นในหลายธนาคาร สะท้อนความเสี่ยงที่ยังอยู่ในระบบการเงิน
แบงก์ไทย “กำไรลด” ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือสัญญาณเตือนเศรษฐกิจ แม้ธนาคารบางแห่งยังสามารถรักษาระดับกำไรได้ดี แต่แนวโน้มโดยรวมแสดงให้เห็นถึง สภาพแวดล้อมที่ท้าทาย ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ และเชิงโครงสร้างของลูกค้า
ธนาคารที่มีการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตสินเชื่อดี หรือมีการลงทุน เพื่อปรับตัวรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป จะสามารถประคองผลประกอบการได้ดีกว่า
...แต่ในระยะข้างหน้า หากเศรษฐกิจยังไม่สามารถเร่งเครื่องได้ การฟื้นตัวของกำไรกลุ่มแบงก์อาจยังต้องเผชิญกับแรงเสียดทานอีกระยะ
คาดแบงก์ไทยกำไรปี 68 ลดลง 3%
ผลพวงสินเชื่อหด! คุมเข้มปล่อยกู้
ขณะที่ บล.กรุงศรี คาดกำไรสุทธิปี 68F ธนาคารพาณิชย์ไทยที่ 2.08 แสนลบ. ลดลง -3% y-y กดดันหลักจากรายได้ดอกเบี้ย (NII) ทั้ง 1) การลดลงของ NIM จากเราคาดดอกเบี้ยนโยบายปี 2025F ลง 3 รอบ รอบละ 0.25% เหลือ 1.50% การขยายไปกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ และการลดภาระดอกเบี้ยให้ลูกหนี้ในโครงการ คุณสู้เราช่วย 2) สินเชื่อรวมคาดหดตัว-0.4% y-y จากธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และเน้นการปล่อยสินเชื่อไปยังกลุ่มที่มีคุณภาพ