Talk of The Town

ก.คลังส่งสถาบันการเงินของรัฐ ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ จากเหตุข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา


25 กรกฎาคม 2568

ก.คลังส่งสถาบันการเงินของรัฐ_S2T (เว็บ)_0.jpg

นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นจากเหตุปะทะกันระหว่างกำลังความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ได้ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ และขยายวงกว้างไปสู่ภาคเศรษฐกิจและสังคมในระดับชุมชนโดยรอบ

ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ และการดำเนินธุรกิจของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก

ในการนี้ ผมและรัฐบาลตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นและให้ความสำคัญกับการดูแลประชาชนในพื้นที่โดยเร่งด่วน โดยได้มอบหมายให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจดำเนินมาตรการด้านการเงินเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น ซึ่งครอบคลุมทั้งมาตรการพักชำระหนี้ มาตรการลดอัตราดอกเบี้ย และมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างครอบคลุมแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนมีรายละเอียดดังนี้

ธนาคารออมสิน

จัดทำมาตรการช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ประกอบด้วย

  1. มาตรการพักชำระเงินต้น

สำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จนถึงงวดเดือนธันวาคม 2568 และให้จ่ายดอกเบี้ยเพียงบางส่วน เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระหนี้

  1. มาตรการสินเชื่อเพื่อรายย่อย จำนวน 2 โครงการ ได้แก่
  • สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือสำหรับประชาชนรายย่อย

ระยะเวลาผ่อนชำระ 12 เดือน ปลอดชำระเงินงวด 3 เดือนแรก ดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 0.60 ต่อเดือน

  • สินเชื่อเพื่อประกอบอาชีพสำหรับประชาชนรายย่อย

ระยะเวลาผ่อนชำระ 60 เดือน ดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 0.75 ต่อเดือน

  1. สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ SMEs

วงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 5 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 7 ปี ปลอดชำระเงินงวดไม่เกิน 1 ปี อัตราดอกเบี้ย

  • ปีที่ 1 = MLR – ร้อยละ 2.65
  • ปีที่ 2 เป็นต้นไป = MLR ยกเว้น ค่าธรรมเนียม Front End Fee และ Prepayment Fee

สามารถแสดงความประสงค์ขอเข้าร่วมมาตรการผ่านทางเว็บไซต์ของธนาคารออมสิน หรือติดต่อสาขาของธนาคารออมสินในพื้นที่ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (...)

จัดทำมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ประกอบด้วย

  1. โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ปี 2568

วงเงินต่อรายไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR = 6.725% ต่อปี) ระยะเวลากู้ไม่เกิน 3 ปี ปลอดชำระดอกเบี้ยใน 6 เดือนแรก

  1. โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต

เพื่อซ่อมแซมบ้านเรือน ทรัพย์สิน และอุปกรณ์การเกษตร วงเงินต่อรายไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR – 2 ต่อปี ระยะเวลากู้ไม่เกิน 15 ปี

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

วงเงินโครงการ 200 ล้านบาท

  1. ผู้กู้บาดเจ็บสาหัส หรือที่อยู่อาศัยเสียหาย

ดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี (5 ปีแรก)

  1. ผู้กู้ทุพพลภาพถาวรหรือเสียชีวิต หรือบ้านเสียหายทั้งหลัง

ดอกเบี้ย 0.01% ตลอดอายุสัญญา

  1. กู้เพื่อปลูกสร้างอาคารใหม่

6 เดือนแรก ดอกเบี้ย 0%

เดือน 7–12 ดอกเบี้ย 0.50%

ปีที่ 2 เป็นต้นไป เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของธอส.

ยื่นคำขอได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 ธ.ค. 2567

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.)

“พัก ลด ขยาย เติม” เพื่อช่วย SME

  1. พักชำระเงินต้น
  2. ลดค่างวด
  3. ขยายเวลาชำระหนี้
  4. เติมทุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เช่น
  • ปลุกพลัง SME
  • Beyond ติดปีก SME

ดอกเบี้ยคงที่ 3% / ปี กู้สูงสุด 10 ปี

  1. สินเชื่อ SME Refinance

ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.99% / ปี

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.)

  1. ขยายเวลาชำระหนี้สูงสุด 365 วัน ลดดอกเบี้ยสูงสุด 20% เพิ่มวงเงินชั่วคราว 1 ปี สูงสุด 30% ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.99% / ปี
  2. เสริมสภาพคล่องและลดต้นทุน
  • EXIM-DITP Empower Financing → 6.15%
  • EXIM Export Booster → เริ่มต้น 3.99%
  • EXIM Safe Trade → เริ่มต้น 3.99% + ประกันความเสี่ยง
  • Export Credit Insurance → ยกเว้นค่าวิเคราะห์
  • ร่วมประกันสังคม →ดอกเบี้ยคงที่2% / ปี (3 ปี)
  • Transformation Loan → ดอกเบี้ยเฉลี่ย SMEs = 5.68%

ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.)

มาตรการ “ไอแบงก์เราไม่ทิ้งกัน”

  1. พักชำระเงินต้นและกำไร สูงสุด 6 เดือน

ขยายได้ไม่เกิน 12 เดือน

  1. วงเงินเพิ่มเพื่อซ่อมแซม/ฟื้นฟู
  • เพื่ออยู่อาศัย →ดอกเบี้ยเริ่ม1.99% / ปีแรก วงเงินไม่เกิน 1 ลบ. กู้สูงสุด 20 ปี
  • เพื่อธุรกิจ →ดอกเบี้ยเริ่ม3.25% / ปีแรก วงเงินไม่เกิน 5 ลบ. กู้สูงสุด 5 ปี

บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)

  1. มาตรการช่วยลูกค้าเดิม
  • พักชำระค่าธรรมเนียม 6 เดือน
  • พักชำระค่างวด 3 เดือน
  1. โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS11 “บสย. SMEs ยั่งยืน”
  • SMEs Power Trade & Biz วงเงินค้ำ 3,000 ลบ. / ราย 5 แสน – 10 ลบ.
  • SMEs Micro Biz วงเงินค้ำ 2,000 ลบ. / ราย 1 หมื่น – 5 แสนบาท

ทั้งนี้กระทรวงการคลังให้ความสำคัญกับการบรรเทาผลกระทบในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยมุ่งช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เพียงพอในการดำรงชีวิต ประกอบอาชีพ และฟื้นฟูกิจการอย่างต่อเนื่อง

มาตรการที่จัดทำขึ้นครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึง ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อย และประชาชนทั่วไปในพื้นที่ รวมถึงสามารถช่วยลดภาระต้นทุน เสริมสภาพคล่อง และสนับสนุนการปรับปรุง ซ่อมแซม หรือฟื้นฟูทรัพย์สิน เช่น อาคาร โรงงาน และเครื่องจักร ให้สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถขอรับความช่วยเหลือผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เกี่ยวข้องได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยกระทรวงการคลังจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมที่จะออกมาตรการเพิ่มเติมอย่างเหมาะสมได้ทันท่วงทีต่อไป