สัมภาษณ์พิเศษ : HL เบอร์หนึ่งเรื่องร้านขายยา ครึ่งปีหลังเปิดสาขาอีกว่า 10 แห่ง ดันผลประกอบการปีนี้โต 15-20%
ยานับเป็นปัจจัย 4 ของมนุษย์ ซึ่งในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจชะลอตัวจากสปัจจัยท้าทายทั้งภายในและภายนอกประเทศ จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านขายยาหรือไม่ อย่างไร เราไปติดตามมุมมองนี้กับ นายธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เฮลท์ลีด (HL)
HL ปัจจุบันธุรกิจทำอะไรบ้าง
บริษัททำธุรกิจใน 2 ส่วนได้แก่ ด้าน I Care Health (ไอแคร์ เฮลท์) และ Healthiness (เฮลทิเนส)
โดย I Care Health ปัจจุบันลงทุนในธุรกิจร้านขายยา จำหน่ายยา เวชภัณฑ์ เวชสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อุปกรณ์การแพทย์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ และธุรกิจคิดค้น และพัฒนาร่วมกับทีมวิจัยภายนอก รวมทั้งว่าจ้างผู้ผลิต เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ
ซึ่งธุรกิจร้านขายยามี 3 แบรนด์ได้แก่ “iCare” “Pharmax” และ “Super Drug” ซึ่งจะให้ความสำคัญกับสินค้าที่จำหน่ายและกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน
“iCare” เน้นเปิดตลาด “Pharmax” เน้นเปิดที่ห้างสรรพสินค้าหรือ Mall และ “Super Drug” เปิดในโรงพยาบาล เน้นร้านขายส่ง
การขยายสาขาของHL ปีนี้
ตั้งเป้าเปิดสาขาปีนี้ที่ 78 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มี 67 สาขา และบริษัทมีแผนที่จะเปิดสาขาตามหัวเมืองหลักๆของประเทศ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า คาดว่าจะได้เห็นในปี69 โดยอาจเปิดที่ภาคตะวันออกก่อนเป็นแห่งแรก ซึ่ง HL มีการเตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การเตรียมด้านการขนส่งสินค้า โดยได้เชื่อมระบบในการขนส่งสินค้ากับซับพลายเออร์ และเรื่องคน
จุดแข็งของ HL
1.ต้องยอมรับว่าปัจจุบันไทยเป็นสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งเราได้ไปดูตลาดจากร้านขายยาในญี่ปุ่น เพื่อเตรียมสินค้าให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมทั้งการออกแบบร้านให้ตอบสนองลูกค้า โดยต้องหาง่าย เด่นชัด ซึ่งบริษัทมีสินค้ามากกว่า 10,000 รายการ
2.เรื่องของเภสัชกรที่ให้บริการลูกค้าได้ตลอดเวลาตั้งแต่ที่ร้านเปิด โดยปกติจะมีประมาณ 3-4 ท่านต่อสาขา
ธุรกิจด้าน Healthiness (เฮลทิเนส)
Healthiness ประกอบธุรกิจคิดค้น และพัฒนาร่วมกับทีมวิจัยภายนอก รวมทั้งว่าจ้างผู้ผลิต เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อสุขภาพที่เน้นการป้องกันและการเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น โดยสินค้ากลุ่มแรกเป็นกลุ่มวิตะมิน เรื่องที่เกี่ยวกับตา เพราะคนอยู่กับจอตลอดเวลา ข้อเข่า ส่วนล่าสุดเป็นวิตะมิน C ที่เราได้รับรางวัล และตัวสเปรย์พ่นปากและจมูก ซึ่งได้รับความสนใจจากมาก ตั้งเป้าว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะเปิดตัวสินค้าอีก 10 กว่ารายการ
รายได้ของ HL การเติบโตเป็นอย่างไร
ช่วงครึ่งปีแรกเติบโตตามเป้าหมาย และมั่นใจว่าครึ่งปีหลังผลงานยังเติบโตได้ จากการเปิดสาขาใหม่อีกประมาณ 10 แห่ง ทำให้รายได้ของบริษัทเติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าอีก 10 กว่ารายการในครึ่งปีหลัง ทำให้มั่นใจว่ารายได้จะเติบโตได้ 15-20 % ตามเป้าหมาย
ลูกค้าที่เป็นสมาชิกของ HL
ปัจจุบันอยู่ที่ 500,000 ราย เพิ่มขึ้นประมาณ 8,000 ราย ดังนั้นสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีสมาชิกแตะไม่ต่ำกว่า 550,000 ราย ซึ่งสมาชิกที่เพิ่มขึ้นทำให้ยอดขายสินค้าของร้านดีขึ้น เนื่องจาก 90% ของยอดขายมาจากลูกค้ากลุ่มที่เป็นสมาชิก
ธุรกิจช่วง 1-2 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
1.เรื่องของการเปิดสาขา หลังๆเราจะเลือกทำเลที่ดี สามารถคืนทุนได้เร็ว
2.เรื่องผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เราจะเปิดตัวมีอีกมาก และมีเป้าหมายจะขายนอกกลุ่ม ซึ่งเป็น New s curve ที่เป็นตลาดใหญ่มาก
งบลงทุนเปิดสาขาครึ่งปีหลังอยู่ที่เท่าไร
ค่าตกแต่งอยู่ที่สาขาละประมาณ 3 ล้านบาท ขณะที่การสต็อกสินค้าจะให้เงินประมาณ 3-4 ล้านบาท เช่นกัน ทำให้งบลงทุนทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 60-70 ล้านบาท
แนวทางการซื้อหุ้นคืน
เนื่องจากHL เป็นธุรกิจที่ซื้อขายด้วยเงินสด ทำให้มีสภาพคล่องมาก ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าปัจจุบันสถานการณ์ตลาดหุ้นปรับลดลง ทำให้มูลค่าหุ้นของ HL ปรับลดลง จึงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นคืนของ HL สะท้อนความมั่นใจของผู้บริหารและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน