รายงานพิเศษ : TGE ทะยานรับน้ำมันแพง เดินหน้าโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ดันรายได้เติบโตตามเป้าหมาย

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า ได้ติดตามปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด เพราะจะมีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจได้ โดยเฉพาะเรื่องราคาพลังงาน และสถานการณ์เงินทุนเคลื่อนย้าย โดยหากสถานการณ์ความรุนแรงยืดเยื้อ จะทำให้ราคาพลังงานในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่าตามข้อเท็จจริงแล้ว Supply พลังงานโลกจะไม่ขาดแคลนก็ตาม
โดยในส่วนของราคาพลังงานนั้น มองว่า หากราคาสูงขึ้น ก็เป็นผลมาจากสงคราม ซึ่งเมื่อรู้สาเหตุของปัญหาว่าเกิดจากอะไร ก็จะได้บริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"สุดท้ายแล้ว หากราคาน้ำมันปรับขึ้นรวดเร็ว รัฐบาลก็คงจะต้องใช้มาตรการของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาช่วยอยู่ดี ตรงนี้เป็นเรื่องที่จะต้องทำเมื่อจำเป็น แต่ขณะเดียวกันก็ต้องคิดว่า จริง ๆ แล้วการทำเรื่องพวกนี้ ต้องทำในระดับที่เหมาะสม"
ขณะที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุได้เชิญผู้บริหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมเตรียมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน หลังจากสหรัฐอเมริกาได้โจมตี 3 โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน
ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้เป็นปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นการเติบโตของอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด ที่เป็นเทรนด์ของโลก และยังเป็นกระแสการลดภาวะโลกร้อนที่กำลังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อทุกประเทศ รวมทั้งส่งผลดีต่อธุรกิจ บมจ.ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ (TGE) ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน โดยปัจจุบันประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าขยะชุมชน รวมทั้ง การรับบริหารจัดการโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนอื่น
ซึ่งแผนธุรกิจของบริษัทปีนี้ นายสืบตระกูล บินเทพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TGE ระบุ ปี 2568 นี้บริษัทฯ ให้ความสำคัญสูงสุดกับการสร้างโรงไฟฟ้าขยะชุมชน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินงานก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะชุมชน เฟส 1 จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนในพื้นที่ 1.จังหวัดชุมพร 2.จังหวัดราชบุรี 3.จังหวัดสระแก้ว และ 4.จังหวัดชัยนาท คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในปี 2569 เป็นต้นไป
ขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัท TGE ยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจพลังงานสะอาดเพื่อร่วมดูแลชุมชน และสิ่งแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น พร้อมกับสร้างโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพ ผ่านการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในทุกรูปแบบ เพื่อสนับสนุนให้รายได้ปีนี้ปรับตัวขึ้นตามเป้าหมายที่ได้วางไว้
"นอกจากการเร่งก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะชุมชนแล้ว ในปีนี้บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับตลาดคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง และจะสร้างรายได้กับกลุ่มบริษัทฯ ในระยะยาว ล่าสุด TGE มีปริมาณคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรองแล้ว 2.2 แสนตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq) คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2568 เป็นต้นไป" นายสืบตระกูล กล่าว