Talk of The Town

ชำแหละงบกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อรัฐบาลหว่าน 1.15 แสนล้าน หวังปั้น GDP เพิ่ม 0.4%


26 มิถุนายน 2568

ชำแหละงบกระตุ้นเศรษฐกิจ_S2T (เว็บ) copy.jpg

ท่ามกลางแรงกดดันทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ รัฐบาลเร่งเดินหน้าออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบขอเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายในกรอบ วงเงิน 115,375 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ได้ผลในระยะยาว โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.ด้านโครงสร้างพื้นฐาน วงเงินรวม 85,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น ด้านน้ำ วงเงิน 39,136 ล้านบาท แบ่งออกเป็น การพัฒนาน้ำอุปโภคบริโภค การปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำเดิมและพัฒนาระบบกระจายน้ำ พัฒนาพื้นที่เกษตรน้ำฝน พัฒนาพื้นที่หน่วงน้ำและการป้องกันน้ำท่วมชุมชนเมือง

ด้านคมนาคม วงเงิน 45,864 ล้านบาท แบ่งเป็น  ปรับปรุงและพัฒนาถนนเชื่อมเมืองรอง เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางและขนส่ง พัฒนาโครงข่ายส่งเสริมพื้นที่เกษตรกรรม  ปรับปรุงจุดพักรถบรรทุกเพื่อให้บังคับใช้ได้ตามกฎหมาย  แก้ปัญหาจุดตัดทางรถไฟและถนนเสมอระดับ แก้ไขปัญหาจราจร พื้นที่คอขวด และพื้นที่ขาดความเชื่อมโยง

2.ด้านการท่องเที่ยว วงเงินรวม 10,053 ล้านบาท แบ่งออกเป็น การปรับปรุงและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว สนามกีฬา และสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ห้องน้ำ ห้องพัก สถานที่ ป้ายบอกทาง พัฒนาระบบอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว พัฒนาและยกระดับความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว อาทิ การติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ในพื้นที่เมืองท่องเที่ยวสำคัญ และกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศโดยเฉพาะในพื้นที่เมืองรอง

3.ด้านลดผลกระทบภาคการส่งออก เพิ่มผลิตภาพ และดิจิทัล วงเงินรวม 11,122 ล้านบาท แบ่งเป็น ด้านการเกษตร แรงงาน ช่วยบรรเทาผลกระทบให้แรงงานและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกาแพงภาษี

4. ด้านเศรษฐกิจชุมชนและอื่น ๆ วงเงิน 9,201 ล้านบาท แบ่งเป็น กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ผ่านโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML) ทุนมนุษย์ด้านการศึกษา พัฒนาเศรษฐกิจชุมชน 

กระทรวงการคลัง กล่าวว่า แผนการขับเคลื่อนฯ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยการเร่งรัดการใช้จ่ายผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถดาเนินการได้ทันที ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจ้างงาน กระจายรายได้ และสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ

 โดยเม็ดเงิน 115,375 ล้านบาท จะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.4% ควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจผ่านการลงทุนในทุนมนุษย์และการปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ให้เอื้อต่อการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพิ่มผลิตภาพแรงงาน และวางรากฐานการพัฒนาประเทศในระยะยาว

ความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า  กระทรวงการคลังคาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้ จะหนุนให้เกิดการจ้างงาน 7.4 ล้านคน วงเงินการจ้างงานกว่า 34,008 ล้านบาท และคาดกระตุ้น GDP ได้ 0.4% ซึ่งน่าจะช่วยจำกัด Downside จากผลกระทบด้านการเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯและการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาที่ชะลอตัวได้ 

นอกจากนี้ รัฐบาลยังคาดหวังว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้ จะช่วยให้เม็ดเงินกระจายไปทุกกลุ่ม ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ท่องเที่ยว และภาคเกษตร โดยลงไปถึงระดับท้องถิ่น ที่น่าจะช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างได้ระดับหนึ่ง 

อย่างไรก็ตาม ด้วยงบประมาณกว่า 74% ถูกจัดสรรไปกระตุ้นด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งแม้จะมีข้อดีตรงที่เป็นโครงการระยะยาว และสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้มากกว่าการแจกเงิน แต่ฝ่ายวิจัยยังกังวลกับการพิจารณาโครงการที่อาจล่าช้า ซึ่งทำให้ GDPและสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจอาจไม่ฟื้นตัวเร็วตามที่รัฐบาลคาดหวังไว้

แม้อายุของรัฐบาลจะเหลืออีกไม่มาก เพราะเสียงปริ่มน้ำและมีหลายข้อกล่าวหาคอยกดดัน แต่ด้วยความที่ Domestic Play ขาดแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาตลอดทั้งไตรมาส 2/68 การมีงบประมาณก้อนใหญ่ลงมาบ้างในช่วงครึ่งหลังปี 68 ย่อมสร้างความหวังให้กับผู้ประกอบการและผู้บริโภค จึงมองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อ Domestic Play ที่ราคาหุ้นอยู่ในโซนด้านล่าง ทั้งค้าปลีก สินค้าอุปโภคบริโภค รับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง และท่องเที่ยว

โดย มีมุมมองเชิงบวกต่อมาตรการที่ออกมา เพราะเป็นการช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ระบบเศรษฐกิจจริง และมีโอกาสช่วยหนุนสภาพคล่องให้ตลาดการเงินที่กำลังเหือดแห้ง ผ่านกลุ่ม Domestic Play ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์โดยตรงจากมาตรการชุดนี้ ทั้งค้าปลีก, สินค้าอุปโภคบริโภค, รับเหมาก่อสร้าง, วัสดุก่อสร้าง, และท่องเที่ยว ซึ่งหุ้นที่ผลประกอบการยังโตดี, Valuation ไม่แพง, ราคาหุ้นอยู่ในโซนด้านล่างเช่น SCC, TASCO, CK, STECON, CPALL, CPAXT, HMPRO, BJC, OSP, SYNEX, CENTEL, ERW, AAV, BA เป็นต้น

ส่วนความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มองประเด็น แพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.15 แสนล้านบาท โครงการที่น่าจะขับเคลื่อนได้เร็ว คือ โครงการ "เที่ยวไทยคนละครึ่ง" วงเงิน 1,750 ล้านบาท หนุนหุ้นการบิน AOT และท่องเที่ยวที่มีสัดส่วนในไทยสูงๆ AWC (100%) ERW (88%) CENTEL (72%) SHR (18%) MINT (13%) ประเมินจิตวิทยาบวกต่อหุ้น Domestic ในส่วนธนาคาร KTB, KBANK ก่อสร้าง STECON, PYLON ท่องเที่ยว AOT, CENTEL

ชำแหละงบกระตุ้นเศรษฐกิจ_S2T (เพจ) copy.jpg

GDP