Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 24-06-25 ( จักรวาลของ “มงคล”)
Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 24-06-25 ( จักรวาลของ “มงคล”)
24-06-25 สวัสดี “ปีงูไฟ" ค่ะพี่น้องชาวไทยที่รัก "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยมีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
*** ไม่รู้มีใครคิดเหมือนเจ๊รึป่าวเรื่องราวระหว่าง ตลท.กับ FVC ที่มีแผนจะเข้าลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท เวิลด์ อินดัสเทรียล เอสเตท จำกัด (“WIE”) เพื่อพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ (ลำพูน)จำนวน 2 เฟส ประมาณ 703 ไร่ มูลค่าเงินลงทุนและพัฒนาโครงการเท่ากับ 1,161 ล้านบาท..ถามจริงๆ เบื่อมั้ย???? ถาม_ตอบ ถาม_ตอบ ไม่จบไม่สิ้นซะที!!! หรือนี่จะเป็นกลยุทธ์ ที่ทำให้ผู้ตอบเบื่อออออ เอือมระอา และถอดใจในที่สุด แหม!! ก้อน่าจะบอกเค้าไปตรงๆ เลยว่าเป้าหมายปลายทางต้องการอะไรกันแน่..จะได้ไม่เสียเวลามาคิดให้เปลืองสมอง
***แต่ก้ออีกนั่นแหล่ะ!!! วงการนี้เต็มไปด้วย เสือ สิงห์ กระทิง แรด มีหลากหลายวิธีคิด+วิธีการ สารพัดสารพันเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ โดยเก็บวัตถุประสงค์ที่แท้จริงซ่อนเอาไว้ ในส่วนของ ผู้คุ้มกฎ เค้าก้ออ่านเกมส์ออก และเพื่อกระทำในสิ่งที่เรียกว่าปกป้องรายย่อย(ซึ่งไม่รู้ว่ารายย่อยเค้าอยากให้ปกป้องมั้ย???) แต่อย่างน้อยก้อถือเป็นด่านสำคัญในการคัดกรองเลือกเอาสิ่งที่พิจารณาแล้วว่าเป็นของที่ถูกต้อง เข้ามาอยู่ในระบบ ..ขอบคุณ!!!
***มีรายงานจาก SCB ว่าเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านผู้นำขององค์กรเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นประโยชน์สูงสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 7/2568 ได้มีมติอนุมัติตามข้อเสนอของคณะกรรมการสรรหา ค่าตอบแทน และบรรษัทภิบาล ให้แต่งตั้ง “นายอารักษ์ สุธีวงศ์” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2570 แทน “นายอาทิตย์ นันทวิทยา” ที่จะครบกำหนดตามสัญญาจ้างตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ในวันที่ 31 ธันวาคม 2569 ทั้งนี้ ให้นำเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนต่อไป
***เมื่อวานนี้เป็นสตอรี่ใหม่ในวงการให้เม้าท์กันสนุกปากคือ “จักรวาลของมงคล” มีข่าวว่าหุ้นในพอร์ตที่เขาลงทุนอยู่มีมูลค่ารวมกันกว่า 12,405 ล้านบาท แต่หุ้นโดนถล่มหนักจนติดระดับฟลอร์อย่างพร้อมเพรียงกัน ทำให้ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 23 มิ.ย. 68 มีมูลค่าพอร์ตเหลือที่ 10,620 ล้านบาท ในระยะเวลาเพียง 1 วันทำการ มูลค่าหายไปกว่า 1.7 พันล้านบาท
*** แต่จะว่าไปภาษาบ้านๆ ของเราแค่นี้เรียกว่า “ผิวๆ” ของมีขึ้นก้อต้องมีลง..ที่ผ่านมาพี่ท่านได้รับเงินปันผลต่อปีไปตั้งเท่าไหร่แล้ววววว... พอร์ตมูลค่าเป็นหมื่นล้าน..แต่แวลูลดลงราวพันกว่าล้าน แหม!!! ยังเหลืออีกเยอะ!!! ไม่ขายไม่ขาดทุน!!!
***สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นเมื่อวาน..ยังดีมี ตลท.ออกมาตรารเร่งเด่นเรื่องซิลลิ่ง-ฟลอร์มาเบรกไว้ ทำให้ SET INDEX ปิดที่ 1062.78 จุด ลดลง 4.85 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 32,506.99 ลบ.
***มาว่ากันที่เรื่องนอกบ้านอย่างสงครามกันมั่ง โดยเฉพาะหุ้นที่กระทบจากการที่ สหรัฐฯ โจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน กูรูหุ้นชี้ว่าเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่น ราคาพลังงานต้นน้ำ ที่น่าจะสูงขึ้นจะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงา..แต่เป็นลบต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า, ปิโตรเคมี และ ค้าปลีกน้ำมัน, ท่องเที่ยวและสายการบิน, กลุ่มส่งออก, และกลุ่มค้าปลีก ซึ่งอาจจะเห็นต้นทุนที่สูงขึ้น
(+) กลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่น: เชื่อว่า PTTEP จะได้ประโยชน์จากราคาขายน้ำมันเฉลี่ย (liquid ASP) ที่ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ โรงกลั่นน่าจะได้แรงหนุนจากกำไรจากสต๊อก (stock gain) ที่สูงขึ้นและอาจรวมถึงส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และราคาน้ำมันดิบ (crack spread) ที่ดีขึ้น
(-) กลุ่มโรงไฟฟ้า: มีโอกาสที่ราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น แต่ค่า Ft ไม่สามารถปรับสะท้อนได้จากความพยายามควบคุมค่าไฟฟ้าจากภาครัฐ เป็น negative sentiment ต่อโรงไฟฟ้า SPP โดยเรียงลำดับจากหุ้นที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากมากไปน้อยคือ GPSC, BGRIM, GULF
(-) กลุ่มปิ โตรเคมี: มองว่าหุ้นในกลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบจากราคาต้นทุนวัตถุดิบ (feedstock) ที่สูงขึ้น ในขณะที่ ราคาขายยังมีปัจจัยกดดันจากแนวโน้มอุปสงค์ที่อ่อนแออยู่
(-) กลุ่มค้าปลีกน้ำมัน: ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นมีโอกาสกดดันค่าการตลาด อย่างไรก็ดีผลกระทบเชิงลบอาจจะถูกลดทอนด้วยความจริงที่ว่าสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีความ แข็งแกร่งมากขึ้นแล้ว ทั้งนี้ หุ้นที่ได้รับ negative sentiment คือ OR และ PTG
(-) กลุ่มท่องเที่ยว: ได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจาก Middle East มีโอกาสลดลงได้ โดย 5 เดือนปีนี้มีสัดส่วนที่ 1.4% ของนักท่องเที่ยวรวม หุ้นที่ได้รับ negative sentiment คือ ERW และ CENTEL
(-) กลุ่มสายการบิน: มองว่าหุ้นกลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นต้นทุนหลักของธุรกิจคิดเป็นประมาณ 30%-40% จากรายได้รวม หุ้นที่ได้รับ negative sentiment คือ AAV และ BA
(-) กลุ่มส่งออก: ได้รับผลกระทบจากการส่งออกไปตะวันออกกลาง รวมถึงค่าขนส่งโดยรวมที่อาจสูงขึ้น โดย AAI มีโอกาสได้รับผลกระทบมากสุดเนื่องจากมีสัดส่วนรายได้ไปตะวันออกกลางราว 8% ขณะที่หุ้นอื่นๆ ที่อาจได้รับ negative sentiment ได้แก่ TU, ITC และ GFPTและกลุ่มส่งออกผลิตภัณฑ์มะพร้าวไป Middle east นอกจากมีโอกาสได้รับผลกระทบจากต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้นและทำให้คำสั่งซื้อตัวชะลอตัว PLUS มีสัดส่วนรายได้จาก Middle East 11% และ COCOCO ที่ 2%
(-) กลุ่มค้าปลีก: ได้รับผลกระทบจำกัดตามผลกระทบของนักท่องเที่ยวจาก Middle east ลดลง โดยมองว่าหุ้นที่ได้รับ negative sentiment มากที่สุดคือ CRC