สงครามจบยาก! อิหร่านไม่ยอมจำนน รอท่าทีสหรัฐ กดดันราคาทอง Sideways เป้าหมายระยะกลาง-ยาว 3,700-4,000 ดอลลาร์
สถานการณ์ในตะวันออกกลางตึงเครียดถึงขีดสุด เมื่อมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ เตรียมความพร้อมสำหรับการโจมตีอิหร่านในไม่กี่วันข้างหน้า
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ผู้นำระดับสูงจากหลายหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้เริ่มวางแผนและจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานรองรับการโจมตีทางทหารแล้ว ขณะที่บางแหล่งข่าวชี้ว่าอาจมีการดำเนินการในช่วงสุดสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะยังไม่ตัดสินใจขั้นสุดท้าย แต่ก็แสดงท่าทีเปิดกว้างมากขึ้นต่อการใช้กำลังทางทหาร ซึ่งตรงข้ามกับจุดยืนก่อนหน้านี้ที่เน้นการเจรจาทางการทูต แม้ยังไม่เกิดการโจมตีโดยตรงจากสหรัฐฯ แต่การเตรียมพร้อมครั้งนี้อาจเป็นสัญญาณว่า สงครามในตะวันออกกลางอาจเกิดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ
ล่าสุด กองทัพอิสราเอลได้ออกประกาศเตือนพลเรือนให้อพยพออกจากเขต Arak ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญของโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน และเป็นที่ตั้งของเครื่องปฏิกรณ์น้ำหนักหนัก ซึ่งอาจนำไปสู่การผลิตอาวุธนิวเคลียร์ในอนาคต
GCAP GOLD มองว่า ราคาทองคำในทางเทคนิคยังเคลื่อนไหวสวนทางกับปัจจัยพื้นฐาน โดยราคายังคงวิ่งอยู่ในกรอบ Sideway ที่กดไฮต่ำลง โดยมีแนวรับที่ 3,360-3,355 ดอลลาร์ และมีแนวต้าน 3,395-3,407 ดอลลาร์
สำหรับการเก็งกำไรระยะสั้นยังมองเข้าเก็บที่ขอบล่าง 3,360-3,355 ดอลลาร์ เช่นเดิม และลดความเสี่ยงด้วยการเคร่งครัด SL ที่ 3,348 ดอลลาร์
ส่วนเป้าเด้งทำกำไรเบื้องต้นดูที่กรอบบน 3,395-3,407 ดอลลาร์หากทะลุผ่านได้ มีโอกาสไปต่อที่ 3,420 ดอลลาร์ แต่หากราคาย่อตัวและหลุดกรอบล่าง อาจต้องถอยลงมารอดูท่าทีที่ 3,330–3,325 ดอลลาร์ อีกครั้ง ว่ามีแรงดีดกลับขึ้นมามากน้อยแค่ไหน
ขณะที่ Aussiris Gold มองว่า หากสหรัฐอเมริกาเข้าร่วมสงคราม จะทำให้ความขัดแย้งขยายวงกว้าง และราคาทองคำอาจได้รับแรงหนุนเพิ่มขึ้น แต่หากสหรัฐฯ ยังคงนิ่งอยู่ ราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวแบบ Sideways เพื่อรอทิศทางที่ชัดเจน
นอกจากนี้ ยังมองว่าสงครามยังไม่น่าจบลงง่ายๆ เนื่องจากอิหร่านไม่ยอมจำนน และมีแนวโน้มที่เยอรมนีอาจเข้ามาร่วมขู่ด้วย ซึ่งจะทำให้โอกาสบานปลายสูงขึ้น
สงครามยังคงดำเนินต่อไป และแรงหนุนจากสถานการณ์นี้จะทำให้ราคาทองคำประคองตัวเหนือ 3,300 ดอลลาร์ ได้ในระยะหนึ่ง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
หากรัสเซียและจีนเข้ามาเกี่ยวข้อง จะยิ่งทำให้สงครามขยายวงกว้างและยืดเยื้อ ไม่จบลงง่ายๆ คล้ายกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน ขณะเดียวกันสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังไม่จบ ก็ยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนราคาทองคำอยู่
ภาพรวมราคาทองคำ ยังคงได้รับแรงขับเคลื่อนจากปัจจัยหลัก เช่น นโยบายการค้าของสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ กองทุน SPDR และธนาคารกลางยังคงสะสมทองคำอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันความเสี่ยง โดยคาดการณ์ว่าปริมาณการซื้อทองคำในปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 1,000 ตัน ซึ่งจะช่วยหนุนราคาทองคำ ราคาพื้นฐานที่น่าเก็บสะสมอยู่ประมาณ 3,000-3,100 ดอลลาร์ เป็นค่าเฉลี่ย
คาดการณ์ว่าราคาทองคำมีโอกาสลุ้นแตะ 3,700-4,000 ดอลลาร์ ภายใน 6-12 เดือนข้างหน้า โดยอ้างอิงจากประมาณการของ Bank of America ที่ 4,000 ดอลลาร์
คำแนะนำทางเทคนิค แนวรับหลัก 3,360 ดอลลาร์ หรือประมาณ 52,200 บาท สำหรับทองคำไทย หากรักษาระดับนี้ไว้ได้ ยังคงรักษาโมเมนตัมขาขึ้นและมีโอกาสไปทดสอบแนวต้าน 3,400 ดอลลาร์ แนวต้าน 3,400 - 3,430 ดอลลาร์ เป็นเป้าหมายถัดไป
หากหลุดแนวรับ 3,360 ดอลลาร์ ราคาทองคำอาจปรับฐานลงไปที่ 3,330 - 3,300 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับที่น่าสนใจทางเทคนิค หรือประมาณ 51,600 - 51,500 บาทสำหรับทองคำไทย หากหลุด 3,300 ดอลลาร์ แนวรับถัดไปคือ 3,250 - 3,200 ดอลลาร์ หรือประมาณ 51,000 - 50,500 บาท
...สุดสัปดาห์นี้ยังคงต้องจับตาสถานการณ์สงครามจะลุกลามบานปลายแค่ไหน ซึ่งส่งผลกระทบกับราคาทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และจะกลับมาสร้างสถิติ All Time High ใหม่ได้หรือไม่ (โปรดติดตามตอนต่อไป)