สัมภาษณ์พิเศษ : GUNKUL ปรับกลยุทธ์รับการลงทุน เน้นผู้ใช้ไฟ- เป็นพาร์ทเนอร์ด้านพลังงานสีเขียว สร้างผลงานเติบโตอย่างยั่งยืน
บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) ผู้นำด้านพลังงานทดแทน อุปกรณ์และธุรกิจระบบไฟฟ้าแบบครบวงจร ภายใต้การนำของ “นฤชล ดำรงปิยวุฒิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทิศทางของบริษัทในระยะข้างหน้าจะเติบโตอย่างไร ไปติดตามได้จากการสัมภาษณ์นี้
ธุรกิจหลักของบริษัท
ธุรกิจของบริษัทมีความหลากหลายและครบวงจร ประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลักได้แก่
1.ธุรกิจพลังงานสะอาด ซึ่งบริษัทมีขนาดกำลังผลิตพลังงานแสงอาทิตย์และลมเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ภาพรวมกำลังผลิตทั่วโลกอยู่ที่ 1,479 เมกะวัตต์ เป็นพลังงานสะอาด 100%
2.ธุรกิจอุตสาหกรรม เป็นธุรกิจดั้งเดิมที่ทำหน้าที่เหมือนซุปเปอร์มาร์เก็ตจัดหาอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยเฉพาะอุปกรณ์แรงดันสูง ให้กับการไฟฟ้าและผู้รับเหมา
3. ธุรกิจก่อสร้าง ให้บริการด้านวิศวกรรมและการก่อสร้างแบบครบวงจร (one-stop service) ครอบคลุมการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และลมขนาดใหญ่ที่ขายให้ภาครัฐ รวมถึงการติดตั้งระบบตามบ้านเรือน นอกจากนี้ยังสามารถก่อสร้างระบบสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้าได้ทุกระดับแรงดัน ตั้งแต่ 22 KV ถึง 500 KV ทั้งบนดิน ใต้ดิน และใต้ทะเล
โดยทุกธุรกิจมีความสำคัญ เกื้อหนุนกันและกัน มีความสำคัญต่อบริษัท เพราะในระหว่างที่ธุรกิจพลังงานสะอาด(โรงไฟฟ้า) กำลังพัฒนาโครงการ ซึ่งใช้เวลา 1-2 ปี กว่าจะเริ่มสร้างรายได้จากการขายไฟฟ้า ธุรกิจอุตสาหกรรมและธุรกิจก่อสร้าง ทั้ง 2ธุรกิจนี้จะช่วยสร้างรายได้ระหว่างทาง ทำให้บริษัทมีรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น
ผลงานที่ผ่านมาเป็นอย่างไร
ในไตรมาส 1/68 ธุรกิจพลังงานสะอาดมีสัดส่วนถึง 77% ของกำไรทั้งหมด ขณะที่ธุรกิจโรงงาน (อุตสาหกรรม) และงานก่อสร้างมีสัดส่วนประมาณ 11-12% และคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นแตะ 80% ทำให้บริษัทมีรายได้ที่มั่นคงจากการขายไฟฟ้าในช่วง 20 ปีข้างหน้า
มองการลงทุนในต่างประเทศอย่างไร
การลงทุนในต่างประเทศมีสัดส่วน 10%ของรายได้รวม ซึ่งบริษัทจะยังไม่เน้นการลงทุนในต่างประเทศมากนัก เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าพลังงานสะอาดในประเทศยังมีมาก โดยเฉพาะการสนับสนุนบริษัทเทคโนโลยีต่างชาติขนาดใหญ่ให้มาลงทุนใน Data Center ของรัฐบาล ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมาก
มองกลยุทธ์การมีพันธมิตรในการทำธุรกิจอย่างไร
บริษัทเปิดกว้างในการหาพันธมิตร เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว โดยบริษัทใช้ความถนัดด้านระบบไฟฟ้าและสื่อสาร สนับสนุนธุรกิจ Data Center ที่กำลังเติบโต รวมทั้งใช้ความถนัดด้านงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) เข้าร่วมในโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ (เช่น การขนส่ง, รถไฟความเร็วสูง)
ส่วนการร่วมลงทุน (Co-investment) ในธุรกิจ Power Operation ที่เป็น Green บริษัทได้มองหาโอกาสร่วมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (Mini Green Factory, Green Industrial Estate, Green Data Center) ทั้งกับนักลงทุนไทยและต่างชาติ
วิสัยทัศน์การทำธุรกิจในปัจจุบันเน้นเรื่องอะไร
วิสัยทัศน์ใหม่ของบริษัทก็มุ่งเน้นไปหาผู้ใช้ไฟฟ้ามากขึ้น และการเป็นพาร์ทเนอร์ด้านพลังงานสีเขียวและโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งสอดคล้องกับธุรกิจหลักด้านพลังงานสะอาดและธุรกิจก่อสร้างที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน
ประเมินภาพบริษัทในอีก 3 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
1. ตั้งเป้ามีกำลังการผลิตแตะที่ 200 MW
2. ตั้งเป้ากำไร แตะระดับ 2 Digit
3. มีเป้าหมายที่จะเพิ่มธุรกิจใหม่ พลังงานสะอาดอื่น เช่น ไฮโดรเจน
4. ด้านธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง จะเพิ่มขีดความสามารถในงานก่อสร้างแรงดันสูง บริษัทตั้งใจที่จะยกระดับความสามารถในการก่อสร้างระบบสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้าที่แรงดันสูงขึ้น เช่น 500 KV ซึ่งเป็นงานที่ยากขึ้น ต้องใช้ความชำนาญและมีความปลอดภัยสูงขึ้น คู่แข่งน้อยลง โดยได้เซ็นสัญญาโครงการสายส่ง 500 KV แล้วในไตรมาสแรกที่ผ่านมา