Smart Investment

ฟัง "เสี่ยกลาง-เสี่ยยักษ์-ทักษิณ" วิพากษ์สงครามส่งด่วน! Robot Trade เขย่าตลาดหุ้นไทย สภาพคล่องเหือดหาย


08 มิถุนายน 2568

ฟัง เสี่ยกลาง-เสี่ยยักษ์-ทักษิณ_S2T (เว็บ) copy.jpg

ตลาดหุ้นไทยไร้เสน่ห์...จริงหรือ ???

...คำตอบที่ชัดเจน เห็นได้จากการดำดิ่งของ SET Index ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 3 ปีติด

ปี 2566 ลดลง 252.81 จุด หรือ 15.15%

ปี 2567 ลดลง 15.64 จุด หรือ 1.10%

ปี 2568  (1 ม.ค.-4 มิ.ย.68) ลดลง 268.19 จุด หรือ 19.15%

นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิปี 2566 - ปัจจุบัน

 ปี 2566 นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 192,083 ล้านบาท

ปี 2567 นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 146,906 ล้านบาท

ปี 2568 (1 ม.ค.-4 มิ.ย.68) นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 71,605.93 ล้านบาท

...จะเห็นได้ว่านักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง และเป็นจำนวนมากตลอดช่วงปี 2566 ถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาดหุ้นไทยอย่างหนัก

เกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้นไทย ???

ย้อนไทม์ไลน์ "เสี่ยยักษ์-วิชัย วชิรพงศ์" นักลงทุนรายใหญ่, อดีตนายกรัฐมนตรี "ทักษิณ ชินวัตร" และ "สารัชถ์ รัตนาวะดี" ผู้บริหาร GULF ออกมาวิพากษ์ปัญหาตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็น Short Sell

และ High-Frequency Trading (HFT) สงครามส่งด่วน! ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ "ไฟสุมทรวง" สร้างความเสียหายนักลงทุนรายใหญ่ รายย่อย ขาดทุนยับ กดดันสภาพคล่องหดหาย และทำให้ตลาดหุ้นไทยไร้เสน่ห์!

....เริ่มจาก "เสี่ยยักษ์-วิชัย วชิรพงศ์"

"เสี่ยยักษ์"มองว่า High-Frequency Trading (HFT) กำลังสร้างปัญหาอย่างมากในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างนักลงทุนรายใหญ่ และรายย่อย เนื่องจาก HFT ใช้ความเร็วและต้นทุนที่ต่ำกว่าในการเทรด ทำให้เสียเปรียบอย่างมาก

นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่า Naked Short Selling (การขายชอร์ตโดยไม่มีหุ้นจริง) มีอยู่จริง และเป็นอีกปมปัญหาสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยผันผวน และนักลงทุนขาดความเชื่อมั่น

"เสี่ยยักษ์"เชื่อว่าต้นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยซบเซาไม่ได้มาจากเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่มาจากปัญหาของระบบเทรดเอง

ทางออก "เสี่ยยักษ์" มองว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อควบคุม Robot Trade และ Naked Short Selling ไม่เช่นนั้นนักลงทุนไทยจะหายไปจากตลาด เหลือแต่นักลงทุนสถาบันกับ Robot Trade สู้กันเอง

...ตามมาด้วย อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร

"ทักษิณ" มองว่า High Frequency Trade (HFT) ก่อให้เกิดข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่ไม่เท่าเทียมกันตลาดหุ้นไทยขาดความเชื่อมั่นจากการตรวจสอบที่ล่าช้า และปัญหาในบริษัทจดทะเบียน (บจ.) Research House ต่างๆ วิเคราะห์ตลาดน้อยลง ทำให้ตลาดไม่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ

ผู้บริหาร บจ. อาจมีการใช้เงินผิดประเภท ทำให้เกิดปัญหาในตลาด ทางออก "ทักษิณ" มองว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องควบคุม High Frequency Trade ตรวจสอบ Algorithm ลดการเอาเปรียบ เช่น การต่อท่อได้ทุกคนและด้วยความเร็วเท่ากัน

นอกจากนี้ ยังแนะนำกระทรวงการคลังเพิ่มอำนาจให้ ก.ล.ต. ตรวจสอบ บจ. ไม่ให้ตอบสนองช้า เมื่อมีการกระทำผิดส่งเสริมการซื้อหุ้นคืน โดยแนะนำตลาดหลักทรัพย์ฯ สนับหนุนให้ บจ. ที่มี P/E, P/BV ต่ำ ดำเนินการซื้อหุ้นคืนพิจารณาจัดตั้งกองทุนคล้าย LTF ที่เน้นลงทุนในตลาดหุ้นไทยคล้ายกับ LTF

ดึงต่างชาติจดทะเบียน โดยเสนอแนะ BOI ควรดึงต่างชาติมาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยสุดท้าย ตลาดหุ้นต้องทำตัวเองให้ "สวย" (มีศักยภาพและน่าสนใจ) เงินก็จะเข้ามาเอง

...สุดท้าย "เสี่ยกลาง-สารัชถ์ รัตนาวะดี" ให้สัมภาษณ์โพสต์ทูเดย์ สื่อออนไลน์เครือเนชั่น ที่สร้างความฮือฮา ให้กับวงการตลาดทุน ฟันโชะ ตรงประเด็น

"สารัชถ์"ส่งสัญญาณเตือนว่าตลาดหุ้นไทยเข้าสู่ "จุดอันตราย" สภาพคล่องหาย นักลงทุนรายย่อยถอย กองทุนต่างชาติเมิน IPO เจ๊งยกแผง

ปัญหาหลักอย่างหนึ่งคือ การที่โรบอทเทรดและ HFT เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการซื้อขาย ทำให้ตลาดถูกควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ และนักลงทุนรายย่อยเสียเปรียบ

การที่ MSCI ลดน้ำหนักประเทศไทยลงก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ไม่ดี ทางออก "สารัชถ์" มองว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องเร่งแก้ปัญหาสภาพคล่องในตลาดหุ้นไทยเป็นหลัก

แม้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีแนวคิดจัดตั้ง "กระดานซื้อขายหุ้น New Economy" เพื่อดึงบริษัทเทคโนโลยีเข้ามาจดทะเบียน แต่ "สารัชถ์" มองว่า สิ่งนี้อาจไม่จำเป็นหากไม่สามารถแก้ปัญหาสภาพคล่องและปัญหาเชิงระบบในตลาดหลักได้

 "สารัชถ์" เน้นย้ำว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยถูกควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ (HFT) และยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาขับเคลื่อน

...ชัดเจนทั้ง "เสี่ยยักษ์-ทักษิณ-เสี่ยกลาง" ต่างมองเห็นปัญหาคล้ายคลึงกันคือ High-Frequency Trading (HFT) และ Short Selling (โดยเฉพาะ Naked Short Selling) เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยขาดความเชื่อมั่น เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน และส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องโดยรวมของตลาด นักลงทุนรายย่อยเสียเปรียบอย่างมาก

ทางออกที่เสนอ จึงมุ่งไปที่การกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะ HFT และ Short Selling เพื่อสร้างความเท่าเทียมและยุติธรรมในตลาด ควบคู่ไปกับการ สร้างความเชื่อมั่น ผ่านธรรมาภิบาลของบริษัทจดทะเบียน และมาตรการกระตุ้นการลงทุนอื่นๆ เพื่อดึงดูดนักลงทุนกลับคืนสู่ตลาดหุ้นไทย

ฟัง เสี่ยกลาง-เสี่ยยักษ์-ทักษิณ_S2T (เพจ) copy.jpg